คลังเก็บ

พาชมโรงงาน OPPO ที่มหานครฉงชิ่ง ประเทศจีน สัมผัสความอัจฉริยะการผลิตสมาร์ตโฟนและศูนย์โลจิสติกส์ที่ใหญ่ที่สุดของ OPPO

เมื่อช่วงปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา OPPO ประเทศไทยได้เชิญทาง MobileOcta บินลัดฟ้าไปเมืองฉงชิ่ง หนึ่งใน 4 มหานครของจีนที่การปกครองขึ้นตรงต่อรัฐบาลกลาง อยู่ในมณฑลเสฉวน เป็นเมืองศูนย์กลางเศรษฐกิจที่สำคัญทางตะวันตกของประเทศ ริมแม่น้ำแยงซี เพื่อเยี่ยมชมโรงงานผลิตและพัฒนามือถือ OPPO 

โดยโรงงานผลิตและพัฒนามือถือ OPPO ที่เมืองฉงชิ่งหรือที่รู้จักกันในชื่อ “สวนเทคโนโลยีระบบนิเวศอัจฉริยะ OPPO (ฉงชิ่ง)” ตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาและแม่น้ำของเมืองอุตสาหกรรมที่เติบโตเร็วที่สุดแห่งหนึ่งของจีน ซึ่ง OPPO ได้ลงนามข้อตกลงการลงทุนร่วมกับรัฐบาลเขตอวี้เป่ยในเดือนตุลาคม ปี 2016 มีแผนการใช้พื้นที่ 1,524 ไร่ มูลค่าการลงทุนรวม 7.7 พันล้านหยวน

แผนผังของสวนอุตสาหกรรมวางโครงสร้างไว้เป็น “หนึ่งใจกลาง หนึ่งวงแหวน สี่กลุ่ม” หนึ่งใจกลางหมายถึงโรงงานที่รวมสำนักงานและการผลิตไว้ในจุดศูนย์กลางของสวน หนึ่งวงแหวนคือทางเดินเชิงนิเวศความยาวประมาณ 2.5 กิโลเมตรที่อนุญาตให้เฉพาะคนเดินผ่านได้ สี่กลุ่มหมายถึงหอพักพนักงานทั้งสี่ด้านรอบสวน

โครงการเริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน ปี 2017 ระยะที่หนึ่งแล้วเสร็จและเริ่มเดินสายการผลิตเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ปี 2019 ระยะที่หนึ่งหมายถึงบริเวณใต้แนวกึ่งกลางของสวน ส่วนที่อยู่เหนือแนวกึ่งกลางคือระยะที่สอง ปัจจุบันระยะที่หนึ่งก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว และระยะที่สองกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งที่นี่ได้กลายเป็นฐานการผลิตและศูนย์โลจิสติกส์ที่ใหญ่ที่สุดของ OPPO ทั่วโลกแล้ว

OPPO

นอกจากนี้ทาง OPPO ได้ก่อตั้งสถาบันวิจัยและพัฒนาขนาดใหญ่ 6 แห่งทั่วโลก โดยในต่างประเทศอยู่ที่ซิลิคอนแวลลีย์ของสหรัฐอเมริกา และโยโกฮามะของญี่ปุ่น ส่วนภายในประเทศได้แก่ เซินเจิ้น เฉิงตู ซีอาน และอู่ฮั่น เป็นต้น

รวมทั้งยังมีศูนย์การผลิตอัจฉริยะขนาดใหญ่ 9 แห่ง ในต่างประเทศได้แก่ อินเดีย อินโดนีเซีย บังกลาเทศ ตุรกี ปากีสถาน บราซิล และอียิปต์ และภายในประเทศจีนมี 2 แห่งคือ สวนอุตสาหกรรมฉางอาน ตงกวน และสวนเทคโนโลยีระบบนิเวศอัจฉริยะ OPPO (ฉงชิ่ง)

จุดเริ่มต้นของ OPPO

OPPO เริ่มจดทะเบียนแบรนด์ระดับโลกในปี 2001 โดยในขณะนั้นมีการทำการสำรวจมากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก และพบว่าคำว่า “OPPO” ไม่มีความหมายในแง่ลบในประเทศใด ๆ จึงเลือกชื่อนี้ ชื่อแบรนด์ภาษาอังกฤษล้วนของจีนนี้ ยังเป็นรากฐานสำคัญในการเข้าสู่ตลาดต่างประเทศในเวลาต่อมา โดยบริษัทในประเทศจีนก่อตั้งขึ้นในปี 2004

ในช่วงเริ่มต้นของบริษัท ผลิตภัณฑ์หลักของเราคือสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค เช่น MP3 และ MP4 หลังจากศึกษาตลาดอย่างลึกซึ้ง พบว่าตลาดโทรศัพท์มือถือยังมีช่องว่างในการเติบโตอีกมาก ดังนั้น OPPO จึงเข้าสู่อุตสาหกรรมโทรศัพท์มือถืออย่างเป็นทางการ

ในปี 2008 ได้เปิดตัว OPPO A103 ฟีเจอร์โฟนรุ่นแรก หรือที่เรียกว่า “Smiley Phone” ต่อมาในปี 2011 ได้เปิดตัว OPPO Find สมาร์ตโฟนรุ่นแรก ทำให้เกิดการเปลี่ยนผ่านจากฟีเจอร์โฟนสู่สมาร์ตโฟน และปี 2014 ได้เปิดตัวเทคโนโลยีชาร์จไว VOOC แสดงให้เห็นถึงความได้เปรียบอย่างชัดเจนของ OPPO ในด้านเทคโนโลยีการชาร์จมือถือ

และปัจจุบัน OPPO ยังได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ IOT เช่น แท็บเล็ต นาฬิกา และหูฟัง มุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์ชีวิตดิจิทัลที่ไร้รอยต่อในหลายสถานการณ์ให้กับผู้ใช้ทั่วโลก

จนถึงตอนนี้ธุรกิจของ OPPO ได้ขยายครอบคลุมมากกว่า 70 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก มีจุดจำหน่ายกว่า 300,000 แห่งทั่วโลก และมีพนักงานมากกว่า 40,000 คน

จากข้อมูลล่าสุดที่เผยแพร่โดย Canalys ระบุว่า ในไตรมาสที่ 3 ปี 2024 ที่ผ่านมา OPPO ครองอันดับ 4 ของตลาดโลกอย่างมั่นคง ด้วยส่วนแบ่งตลาด 9% และกลายเป็นผู้นำตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นครั้งแรก ด้วยส่วนแบ่งตลาด 21%

ในด้านสิทธิบัตรระดับโลก OPPO ก็ได้บรรลุผลลัพธ์ที่โดดเด่นมากเช่นกัน จนถึงปัจจุบัน ได้ยื่นจดสิทธิบัตรสะสมมากกว่า 100,000 ฉบับ โดย 91% เป็นสิทธิบัตรการประดิษฐ์ ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความได้เปรียบของ OPPO ในด้านนวัตกรรมทางเทคโนโลยี

จากเครื่องเล่น MP3 สู่สมาร์ตโฟนสุดล้ำ

OPPO ทุ่มเทมาเป็นเวลา 20 ปี ข้ามผ่าน 4 ยุคสมัย สร้างผลิตภัณฑ์ที่มีความหมายในเชิงหมุดหมายสำคัญจำนวนมาก ตั้งแต่ปี 2005 OPPO เข้าสู่ตลาดเครื่องเล่น MP3 อย่างเป็นทางการด้วย OPPO X3 ที่มีการออแบบภายนอกแบบเปลือกหอยที่ดูแตกต่างจากคู่แข่ง จนกระทั่งยุติธุรกิจเครื่องเล่น OPPO ยังคงครองอันดับหนึ่งในตลาดเครื่องเล่นภายในประเทศมาโดยตลอด

ต่อมาปี 2008 OPPO เปลี่ยนสนามเข้าสู่ตลาดโทรศัพท์มือถือ เปิดตัว OPPO A103 ฟีเจอร์โฟนรุ่นแรกที่มีการออกแบบรอยยิ้มอันเป็นเอกลักษณ์ เมื่อเปิดตัวครั้งแรกในตลาดจีน ก็กลายเป็นผลิตภัณฑ์ขายดีที่มียอดขายทะลุ 1 ล้านเครื่องต่อปี และขายหมดเกลี้ยงติดต่อกันถึง 5 รอบ เป็นการจุดประกายที่แข็งแกร่งครั้งแรกให้กับโทรศัพท์มือถือของ OPPO

ปี 2011 OPPO ได้เปลี่ยนผ่านจากฟีเจอร์โฟนสู่สมาร์ตโฟน โดยปี 2016 ได้เปิดตัว OPPO R9 Series ด้วยการออกแบบภายนอก ฟังก์ชันการถ่ายภาพ และเทคโนโลยีชาร์จไว VOOC ที่ได้รับความชื่นชอบจากผู้ใช้ ซึ่งซีรีส์นี้มียอดขายต่อปี 17 ล้านเครื่อง ทำลายสถิติยอดขายสูงสุดในประเทศของ iPhone ที่ครองแชมป์มา 4 ปีติดต่อกัน ทำให้มีความหมายในเชิงประวัติศาสตร์ต่อตลาดโทรศัพท์มือถือในประเทศ

ปี 2021 เปิดตัวสมาร์ตโฟนจอพับ Find N Series และปีนี้ ได้เปิดตัวสมาร์ตโฟนเรือธงด้านภาพถ่ายรุ่นใหม่ Find X8 Series ที่มาพร้อมฟีเจอร์ AI ใหม่ โดยหวังว่าจะสามารถสร้างการทะลุทะลวงอย่างต่อเนื่องในตลาดระดับไฮเอนด์ของ OPPO

2024 ยุคใหม่สมาร์ตโฟน OPPO AI

ในปี 2024 ซึ่งเป็นปีครบรอบ 20 ปีของแบรนด์ OPPO ได้มีการเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ทางการตลาดอีกครั้งจาก Selfie Expert เป็น Portrait Expert จนมาสู่ OPPO AI Smartphone เต็มตัว พร้อมทั้งเปิดตัว OPPO Find X8 Series และ A3 Pro ที่มาพร้อมความสามารถด้าน AI เต็มรูปแบบ ทั้งการสั่งการหน้าจอด้วยปุ่มเดียว ฟีเจอร์กล้อง AI และดีไซน์สุดแข็งแกร่ง

กว่าจะเป็นโทรศัทพ์มือถือ 1 เครื่อง

ภายในโรงงาน OPPO ฉงชิ่ง มีเจ้าหน้าพาเยี่ยมชมกระบวนการผลิตมือถือที่ถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถันตั้งแต่การวางแผน ออกแบบ ทดสอบ จนถึงการประกอบขั้นสุดท้าย พร้อมนำหุ่นยนต์แขนกลและระบบทดสอบอัตโนมัติมากกว่า 30 รายการ เข้ามาช่วย โดย OPPO ได้เน้นใช้งานเทคโนโลยีการผลิตมากกว่าใช้กำลังของคน เพื่อลดความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นในขั้นตอนการผลิตให้เกิดขึ้นน้อยที่สุด 

ก่อนจะเป็นโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ตั้งแต่ไม่มีอะไรจนกลายเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จ เบื้องหลังคือกระบวนการที่รอบคอบและซับซ้อน โดยสามารถแบ่งออกเป็น 6 ขั้นตอนดังนี้

  • ขั้นตอนการวางแผนผลิตภัณฑ์ ทำการสำรวจตลาด โดยอ้างอิงจากภาพรวมของผู้ใช้งานระดับหลายล้านราย เพื่อล็อกเป้าหมายของผลิตภัณฑ์
  • ขั้นตอนการออกแบบและพัฒนา ตั้งแต่รูปลักษณ์ภายนอกไปจนถึงชิปและระบบปฏิบัติการ ทุกองค์ประกอบถูกออกแบบอย่างพิถีพิถัน
  • ขั้นตอนการผลิต โดยใช้ความแม่นยำระดับไมโครเมตรในการประกอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์นับพันชิ้น โดยมีถึง 128 ขั้นตอนหลักในการผลิต
  • โทรศัพท์ที่ประกอบเสร็จจะเข้าสู่ขั้นตอนการทดสอบคุณภาพ โดยห้องทดลองจะจำลองสภาพแวดล้อมตั้งแต่ -40℃ ถึง 85℃ ผ่านการรับรองมาตรฐานสากลหลายสิบรายการ
  • ขั้นตอนตรวจสอบประสิทธิภาพของโทรศัพท์แต่ละเครื่องอย่างเข้มงวด
  • เมื่อผ่านการทดสอบทุกรูปแบบแล้ว ผลิตภัณฑ์จะออกสู่ตลาดและถูกจัดส่งทั่วโลก โดยมีร้านบริการลูกค้ากว่า 3,300 แห่งทั่วโลก รองรับการบริการทั้งก่อนและหลังการขายอย่างไร้รอยต่อ

ที่นี่ได้แสดงให้เห็นกระบวนการผลิตของโทรศัพท์มือถือหนึ่งเครื่อง ภายในสวนอุตสาหกรรมฉงชิ่ง ในฐานะฐานการผลิตและศูนย์โลจิสติกส์ที่ใหญ่ที่สุดของ OPPO ทั่วโลก

ต้นไม้เทคโนโลยี

ภายในโรงงานยังมีส่วนจัดแสดงต้นไม้เทคโนโลยี ที่ทำขึ้นจากเศษวัสดุแผงวงจรหลัก (PCB) ของโทรศัพท์มือถือ โดยใช้การติดด้วยมือ กิ่งก้านและใบของต้นไม้ รวมถึงรากของต้นไม้ ล้วนทำมาจากชิ้นส่วนของโทรศัพท์มือถือ ไม่เพียงแต่เป็นงานศิลปะเท่านั้น แต่ยังเป็นการปฏิบัติจริงของแนวคิดด้านสิ่งแวดล้อมสีเขียว

OPPO มุ่งมั่นในการหลอมรวมแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนเข้าไว้ในกระบวนการจัดการผลิตภัณฑ์ตลอดวงจรชีวิตทั้งหมด และสร้างผลิตภัณฑ์สีเขียวอย่างครบถ้วน OPPO ให้คำมั่นว่าจะบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนในการดำเนินงานของตนภายในปี 2050 และได้กำหนดเส้นทางการพัฒนาที่ปล่อยคาร์บอนต่ำไว้แล้ว

ระเบียงวัฒนธรรม

ถัดจากส่วนจัดแสดงต้นไม้เทคโนโลยีเป็นระเบียงวัฒนธรรม โดยด้านซ้ายแสดงผังการจัดตั้งศูนย์การผลิตของ OPPO ทั่วโลก ส่วนด้านขวาแสดงกระบวนการพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพของเขตอุตสาหกรรมฉงชิ่งและการแนะนำเครื่องมือที่เกี่ยวข้อง

OPPO ได้จัดตั้งศูนย์การผลิต 9 แห่งทั่วโลก

  • โดยเขตอุตสาหกรรมฉงชิ่ง ถูกกำหนดให้เป็นฐานการผลิตที่ใหญ่ที่สุดของ OPPO ทั่วโลก
  • สวนอุตสาหกรรมฉางอาน ตงกวน เป็นฐานการผลิตหลักของ OPPO ทั่วโลก
  • เขตอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในต่างประเทศคืออินเดีย มีพื้นที่ 450,000 ตารางเมตร กำลังการผลิตสูงสุดต่อเดือนสามารถถึง 8.33 ล้านเครื่อง
  • เขตอุตสาหกรรมอินโดนีเซีย กำลังการผลิตสูงสุดต่อเดือนสามารถถึง 2 ล้านเครื่อง
  • เขตอุตสาหกรรมบังกลาเทศ กำลังการผลิตสูงสุดต่อเดือนสามารถถึง 240,000 เครื่อง
  • โรงงานอียิปต์ เริ่มการผลิตในเดือนกันยายน ปี 2024 กำลังการผลิตสูงสุดต่อเดือนสามารถถึง 500,000 เครื่อง
  • โรงงานปากีสถาน กำลังการผลิตสูงสุดต่อเดือนสามารถถึง 300,000 เครื่อง
  • โรงงานตุรกี กำลังการผลิตสูงสุดต่อเดือนสามารถถึง 300,000 เครื่อง

ตั้งแต่สวนอุตสาหกรรมฉงชิ่งเริ่มเดินสายการผลิตจนถึงปัจจุบัน ก็ได้รับรางวัลและเกียรติยศจำนวนไม่น้อย เช่นโรงงานอัจฉริยะระดับประเทศ โรงงานสีเขียวระดับประเทศ โรงงานอัจฉริยะต้นแบบด้านนวัตกรรมของเทศบาลนครฉงชิ่ง สายการผลิตดิจิทัลของเทศบาลนครฉงชิ่ง และบริษัทผู้นำในอุตสาหกรรมการผลิตของเทศบาลนครฉงชิ่ง – บริษัทแม่ของห่วงโซ่อุตสาหกรรม เป็นต้น

รางวัลเหล่านี้ไม่เพียงเป็นการยืนยันถึงความสำเร็จในอดีต แต่ยังเป็นแรงจูงใจให้กับเรา และเป็นพลังในการก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง

OPPO ก็ยังคงยึดมั่นในความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร นำพันธสัญญาที่มีต่อการปกป้องสิ่งแวดล้อม ความเท่าเทียมทางดิจิทัล สุขภาวะ และการเสริมพลังให้กับเยาวชนมาปฏิบัติให้เกิดขึ้นจริง

เยี่ยมชมสายการผลิต SMT (Surface Mounted Technology)

เครื่องติดตั้งชิ้นส่วนความเร็วสูงแบบรางคู่

SMT คือ เทคโนโลยีการติดตั้งชิ้นส่วนบนพื้นผิว (Surface Mounted Technology) เป็นกระบวนการหลักในการผลิตเมนบอร์ดของโทรศัพท์มือถือ เมนบอร์ดของโทรศัพท์มือถือเป็นส่วนสำคัญในการผลิตโทรศัพท์มือถือ OPPO

สายการผลิต SMT ที่ฉงชิ่งเริ่มผลิตแผงวงจร PCB แผ่นแรกเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2019 จนถึงเดือนมีนาคม 2021 ยอดการผลิตต่อเดือนทะลุ 4 ล้านแผ่น ประสิทธิภาพการผลิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันสามารถรองรับกำลังการผลิตได้ถึง 5 ล้านแผ่นต่อเดือน

สายการผลิตของทั้งโรงงานประกอบด้วยส่วนของการติดตั้งชิ้นส่วน ทดสอบ และการจ่ายกาวและติดตั้งวัสดุเสริม ใช้การออกแบบสายการผลิตแบบเส้นเดียวต่อเนื่อง ยาวกว่า 70 เมตร ตั้งแต่ต้นจนจบไม่มีจุดขาด ทำให้การผลิตไหลลื่นตั้งแต่ชิ้นส่วนขนาดเล็กไปจนถึงเมนบอร์ดที่มีความซับซ้อนสูง ระดับอัตโนมัติของโรงงานอยู่ที่ประมาณ 90% – 95% จำนวนแรงงานต่อสายลดลงจากเดิม 11 คน เหลือเพียง 6 คน ความสามารถด้านการผลิตโดยรวมอยู่ในระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรม

เครื่องติดตั้งชิ้นส่วนความเร็วสูงแบบรางคู่จาก Siemens ประเทศเยอรมนี มีลักษณะเด่นคือ ขนาดเล็ก การออกแบบแบบโมดูล และความแม่นยำ ยำ สูง แต่ละรางด้านหน้าใช้ติดตั้งชิ้นส่วนขนาดเล็ก เช่น ตัวต้านทาน ตัวเก็บประจุ และตัวเหนี่ยวนำ

ปัจจุบันชิ้นส่วนที่เล็กที่สุดในเมนบอร์ดของ OPPO มีขนาด 0.4 มม. × 0.2 มม. ขนาดของมันเทียบเท่า 1 ใน 100 ของเหรียญ 1 เจี่ยว (หนึ่งในสิบของหยวน) การติดตั้งด้วยระยะห่างที่แคบยังเป็นตัวแทนของระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรม ด้านหลังของรางใช้ติดตั้งชิ้นส่วนขนาดใหญ่ เช่น CPU และชิปหน่วยความจำ

เตาอบไนโตรเจนแบบรีโฟลว์ (การตรวจสอบ AOI)

หลังจากกระบวนการติดตั้งชิ้นส่วนทั้งหมดเสร็จสิ้น แผงวงจรหลักจะเข้าสู่เตาอบไนโตรเจนแบบรีโฟลว์ เตารีโฟลว์จะทำการบัดกรีระหว่างชิ้นส่วนและแผง PCB หลังจากผ่านเตาอบแล้ว แผงวงจรหลักจะเข้าสู่เครื่องตรวจสอบด้วยแสงอัตโนมัติอีกครั้ง (AOI หลังเตา) เพื่อตรวจสอบและประเมินสถานะการบัดกรีของแผงวงจรหลัก เพื่อรับประกันคุณภาพของการบัดกรีแผงวงจรหลัก

ที่ควรกล่าวถึงคือ ในกระบวนการติดตั้งชิ้นส่วนทั้งหมด เราได้ใช้เครื่องจักรอัตโนมัติหลายชนิดมาแทนที่การปฏิบัติงานโดยตรงของแรงงานภายนอกกับแผงวงจรหลัก เพื่อรับประกันความน่าเชื่อถือของกระบวนการ ในขณะเดียวกันก็ใช้การจัดการแบบรวมศูนย์กับอุปกรณ์ AOI สำหรับการตรวจสอบการติดตั้งชิ้นส่วน เพื่อรับประกันความเป็นมืออาชีพในการตรวจจับข้อบกพร่อง

ปัจจุบันยังสามารถให้พนักงานหนึ่งคนดูแลสายการผลิตได้พร้อมกัน 4 สาย เป็นการรวมประสิทธิภาพของแรงงานในระดับสูง ขณะนี้กระบวนการของเรามีอัตราการผ่านตั้งแต่ครั้งแรกอยู่ที่ประมาณ 98.5% ซึ่งถึงระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรม

ถัดไปคือสายการทดสอบแบบหกวงจร แบ่งเป็น 5 กระบวนการ ได้แก่ การดาวน์โหลด การปรับเทียบ การทดสอบแบบรวม การทดสอบ WIFI และการตรวจสอบกระแสไฟฟ้า

ในปัจจุบัน สายการทดสอบได้เปลี่ยนเนื้อหางานที่เคยใช้แรงงานคนถึง 90% ให้กลายเป็นงานที่ดำเนินการโดยเครื่องจักร เดิมทีในแต่ละกระบวนการต้องใช้พนักงานหนึ่งคนในการทำงานแต่ขณะนี้ส่วนการทดสอบใช้เพียงหนึ่งคน ซึ่งช่วยลดต้นทุนแรงงาน พร้อมกับลดการขนส่งภายในระหว่างแต่ละกระบวนการ และลดระยะเวลาการผลิตของสินค้า

อุปกรณ์อัตโนมัติในระดับสูงไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตได้อย่างมาก แต่ยังรับประกันความน่าเชื่อถือของแผงวงจรหลักได้อย่างเต็มที่ นอกจากการยกระดับอัตโนมัติแล้ว สายการผลิต SMT ยังติดตั้งระบบ MES, SCADA, EAM, และ MCM เพื่อให้เกิดการผลิตอัจฉริยะ สามารถจัดเก็บและติดตามข้อมูลได้ ตรวจสอบพารามิเตอร์สำคัญของอุปกรณ์แบบเรียลไทม์ ตรวจจับความผิดปกติของอุปกรณ์โดยอัตโนมัติและส่งคำเตือนทันที ตลอดจนติดตามอายุการใช้งานของชิ้นส่วนอุปกรณ์ เพื่อให้บรรลุการแสดงผลของข้อมูลแบบมองเห็นได้และความโปร่งใสของการจัดการ

การติดตั้งวัสดุเสริม

เพื่อยกระดับความน่าเชื่อถือและความสอดคล้องของโทรศัพท์มือถือ จะทำการป้องกันภายนอกของแผงวงจรหลักที่ผ่านการทดสอบจากกระบวนการก่อนหน้า เช่น การกันน้ำ ป้องกันแรงกระแทก และป้องกันการแผ่รังสีแม่เหล็กไฟฟ้า โดยแบ่งเป็นกระบวนการจ่ายกาวและกระบวนการติดตั้งวัสดุเสริม เครื่องที่อยู่ตรงหน้านี้ทั้งหมดคือเครื่องจ่ายกาว ซึ่งจะจ่ายกาวลงบนแผงวงจรหลักและชิ้นส่วนที่เปิดเผยของแผงวงจรหลัก เพื่อให้เกิดผลในการกันน้ำป้องกันการกระแทก และป้องกันการกัดกร่อน หลังจากจ่ายกาวเสร็จแล้ว ก็จะถูกส่งเข้าสู่เตาอบสำหรับทำให้กาวแข็งตัว

กระบวนการสุดท้ายของแผงวงจรหลักในสายการผลิต SMT คือการติดตั้งวัสดุเสริม ซึ่งจะติดตั้งวัสดุเสริมภายนอก เช่น ซิลิโคนกันน้ำสำหรับขั้วต่อ แผ่นทองแดงป้องกันสัญญาณรบกวน และแผ่นกราไฟต์ระบายความร้อน เพื่อรับประกันความต้องการด้านการระบายความร้อนและการกันน้ำ ของแผงวงจรหลัก ปัจจุบันเราได้นำเข้าเครื่องติดตั้งวัสดุเสริมอัตโนมัติ 4 เครื่อง เพื่อบรรลุการผลิตแบบอัตโนมัติอย่างเต็มรูปแบบ รับประกันความเสถียรและความน่าเชื่อถือของคุณภาพแผงวงจรหลัก

ใช้เทคโนโลยีการติดตั้งแบบไม่มีฟิล์มสีน้ำเงิน ซิลิโคนกันน้ำ BTB แบบไม่มีฟิล์มมีพื้นที่ดูดจับเพียง 0.5 มม. ซึ่งมีข้อกำหนดสูงในด้านการออกแบบวัสดุเสริม การออกแบบหัวดูด และความแม่นยำในการหยิบวัสดุของอุปกรณ์

ขณะนี้โรงงาน SMT ฉงชิ่งยังได้นำเข้าเครื่องติดตั้งวัสดุเสริมแบบแขนกลคู่ ซึ่งสามารถผลิตวัสดุเสริมได้พร้อมกัน 6 ประเภทบนรางคู่ ประสิทธิภาพการติดตั้งเพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับเครื่องติดตั้งวัสดุเสริมแบบเดิม และความสามารถในการรองรับกระบวนการที่ซับซ้อนเพิ่มขึ้น 20% เพื่อตอบสนองข้อกำหนดการผลิตที่สูงขึ้น

หลังจากการติดตั้งวัสดุเสริมเสร็จสิ้น แผงวงจรหลักจะถูกส่งไปยังสายการประกอบหลักโดยตรง เปลี่ยนจากรูปแบบการผลิตแบบเดิมที่ต้องผ่านคลังสินค้าสำหรับชิ้นงานกึ่งสำเร็จรูป ซึ่งช่วยลดปริมาณสินค้าระหว่างผลิตได้อย่างมาก

การเตรียมงานล่วงหน้าและการติดตั้งหน้าจอ

สายการประกอบขั้นสุดท้าย เป็นสายการผลิตที่ประกอบชิ้นส่วนต่าง ๆ ของโทรศัพท์มือถือให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป ตอนนี้ที่เราเห็นคือสายการผลิตที่มีระดับความเป็นอัตโนมัติสูงที่สุดของโรงงานฉงชิ่ง และมีระบบแดชบอร์ดดิจิทัลที่แม่นยำที่สุด เป็นสายตรวจสอบแบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ และเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของ OPPO สู่โรงงานอัตโนมัติ โดยรวมแล้วมีทั้งหมด 7 สายการผลิต

สายการผลิตนี้ใช้รูปแบบสายการผลิตแบบครบวงจร ตั้งแต่การเตรียมงานล่วงหน้า การประกอบชิ้นส่วน การทดสอบทั้งเครื่อง ไปจนถึงการบรรจุผลิตภัณฑ์ เป็นสายการผลิตต่อเนื่องแบบไม่มีจุดขาด ซึ่งช่วยลดการหมุนเวียนสต็อก ลดเวลาในการหมุนเวียน และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต

โทรศัพท์มือถือประกอบด้วย 4 ส่วนหลัก ได้แก่ หน้าจอ กรอบกลาง แบตเตอรี่ และฝาหลัง ตอนนี้ตำแหน่งที่เราอยู่คือจุดที่ดำเนินการติดตั้งหน้าจอแบบอัตโนมัติและขั้นตอนการกดหน้าจอให้แนบสนิท อุปกรณ์ติดตั้งหน้าจอแบบอัตโนมัติเมื่อเทียบกับการติดตั้งด้วยมือ ช่วยเพิ่มความแม่นยำและความสม่ำเสมอของการติดตั้งหน้าจอ อัตราความคลาดเคลื่อน เช่น การติดตั้งเอียง ลดลงเหลือ 0.3% หน้าจอที่ใช้ในรุ่นต่าง ๆ ของโรงงานฉงชิ่งในปัจจุบัน ส่วนใหญ่เป็นของ BOE

ปัจจุบันการประกอบแผงวงจรหลัก แบตเตอรี่ และการติดวัสดุเสริมต่าง ๆ ล้วนใช้เครื่องจักรในการดำเนินการ ซึ่งสามารถหลีกเลี่ยงปัญหาคุณภาพไม่สม่ำเสมอจากแรงงานคน ความผิดพลาดจากความเหนื่อยล้าในการทำงานต่อเนื่อง และประสิทธิภาพต่ำ ในช่วงเริ่มต้นของพนักงานใหม่

ตามแผนที่วางไว้ หนึ่งสายการผลิตสามารถประหยัดแรงงานได้ 31 คน อัตราความเป็นอัตโนมัติเพิ่มขึ้นเป็น 50% และผลผลิตต่อชั่วโมงเพิ่มขึ้น 12.5% เราจะเห็นว่าพนักงานบางคนทำงานอยู่ในพื้นที่คลีนบูธ เนื่องจากการประกอบกล้องเป็นตำแหน่งงานที่สำคัญ ซึ่งมีข้อกำหนดด้านความสะอาดของอากาศสูง คลีนบูธสามารถให้ผลในการป้องกันฝุ่นได้ดีกว่า ภายในบูธติดตั้งเครื่องเพิ่มความชื้นและพัดลมขนาดเล็ก เพื่อเพิ่มน้ำหนักของฝุ่นและลดผลกระทบของฝุ่นต่อกล้อง

อุปกรณ์ติดตั้งแบตเตอรี่อัตโนมัติ

แบตเตอรี่เป็นชิ้นส่วนพลังงานสูง ความปลอดภัยของแบตเตอรี่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในการผลิตของพนักงานและความปลอดภัยในชีวิตของผู้บริโภค การใช้เครื่องจักรอัตโนมัติช่วยให้การติดตั้งแบตเตอรี่มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น ตั้งแต่การป้องกันความปลอดภัยของวัสดุในทุกขั้นตอน การป้องกันความปลอดภัยในกระบวนการผลิต และการตรวจสอบความปลอดภัยของแบตเตอรี่หลายชั้น มุ่งหวังให้กระบวนการผลิตและการใช้งานของผู้ใช้ปลอดภัยจากอุบัติเหตุเป็นศูนย์

การทดสอบ

เมื่อการประกอบฝาหลังและการกดให้แนบสนิทเสร็จสิ้น สมาร์ตโฟนเครื่องหนึ่งก็ถือว่าเสร็จสมบูรณ์ โทรศัพท์จะถูกแขนกลย้ายจากรางหนึ่งไปยังอีกรางหนึ่ง และจะเข้าสู่สายการทดสอบอัตโนมัติ ซึ่งจะมีการตรวจสอบอย่างน้อย 30 รายการ เช่น ลักษณะภายนอกของหน้าจอ กล้อง และการทดสอบ Wi-Fi อุปกรณ์แต่ละเครื่องเชื่อมต่อกับแดชบอร์ดดิจิทัลแล้วทั้งหมด โดยสามารถป้องกันความผิดพลาดข้ามกระบวนการได้ 100% ป้องกันการใช้วัสดุผิดได้ 100% พร้อมทั้งอัปเดตข้อมูลของแต่ละสถานีงานแบบเรียลไทม์ ทำให้ระบบการทำงานออนไลน์ ตัวชี้วัดสามารถมองเห็นได้ และการจัดการมีความโปร่งใส

การบรรจุ

หลังจากผ่านการทดสอบหลายรายการและการตรวจสอบลักษณะภายนอกอย่างเข้มงวด ขั้นตอนสุดท้ายคือส่วนของการบรรจุ ขณะนี้ได้บรรลุการประกอบและตรวจสอบแบบอัตโนมัติในกระบวนการหลัก เช่น การเขียนหมายเลขซีเรียล การแกะกล่องสีอัตโนมัติ และการบรรจุสายชาร์จและสายดาต้า

ปัจจุบันความสามารถในการผลิตของสายการผลิตนี้สามารถครอบคลุมรุ่นทั้งหมดของซีรีส์ A โดยได้บรรลุการรวมสายการผลิตแบบอัตโนมัติตั้งแต่การประกอบชิ้นส่วนจนถึงการบรรจุเพื่อจัดส่งออก

นอกจากนี้สายการผลิตยังใช้รถ AGV อัตโนมัติสำหรับการจัดส่งวัสดุ รถขนส่ง AGV แบบอัตโนมัติช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตโดยรวมและปรับปรุงการจัดการโลจิสติกส์ ทำให้ระบบโลจิสติกส์ในการผลิตทั้งหมดบรรลุความเป็นอัตโนมัติ อัจฉริยะ และยืดหยุ่น อีกทั้งยังเพิ่มความปลอดภัยอีกด้วย

บทสรุป

OPPO ถือเป็นแบรนด์สมาร์ตโฟนที่ยอดผู้ใช้งานอันดับต้น ๆ ของโลกรวมถึงในบ้านเราด้วย จากที่ทาง OPPO ประเทศไทยได้เชิญไปเยี่ยมชมโรงงาน OPPO ฉงชิ่งครั้งนี้

ทำให้ได้เห็นกระบวนการผลิตโทรศัพท์มือถือจากเริ่มต้นจนกลายเป็นโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่องโดยนำเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมาใช้ในการผลิตทุกขั้นตอนมากกว่า 90% รวมถึงยังได้ทุ่มงบประมาณลงทุนในการวิจัยและพัฒนา (R&D) ด้วยงบ 1 ใน 3 ของบริษัทอีกด้วย

ท้ายนี้ก็ขอขอบคุณ OPPO ประเทศไทย ที่เชิญทาง MobileOcta เดินทางสู่ทริปพิเศษในครั้งนี้ด้วยนะครับ