เริ่มไตรมาสแรกปี 2561 กลุ่มบริษัทสามารถมีรายได้รวม 2,431 ล้านบาท กำไรสุทธิรวม 14 ล้านบาท โดยกลุ่มสามารถเทลคอม ซึ่งมีโอกาสเติบโตอย่างโดดเด่นในปีนี้ มีมูลค่างานในมือรวมแล้วกว่า 10,000 ล้านบาท ประกอบกับการพลิกฟื้นของกลุ่มสามารถดิจิตอล ซึ่งจะเริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจใหม่ในไตรมาส 2 อีกทั้งยังมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของธุรกิจอื่นๆในเครือ จึงมั่นใจว่าผลประกอบการในปี 61 จะเติบโตตามเป้าหมาย
นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า “นอกจากกลุ่มสามารถดิจิตอล ซึ่งอยู่ในช่วงของการปรับเปลี่ยนและปูทางสู่ธุรกิจใหม่ๆ สายธุรกิจอื่นๆของกลุ่มสามารถล้วนมีผลการดำเนินงานที่เติบโตตามเป้าหมาย โดยสายธุรกิจ ICT Solution ภายใต้กลุ่มสามารถเทลคอม มีมูลค่างานในมือรวม 10,000 ล้านบาทในปัจจุบัน
ล่าสุดได้เซ็นสัญญาโครงการพัฒนาระบบสารสนเทศที่ดินระยะที่สองของกรมที่ดิน มูลค่ากว่า 2,800 ล้านบาท และมีโครงการใหญ่ที่จะเข้าประมูลเพิ่มเติมในปีนี้ อีกนับสิบโครงการ มูลค่ารวมหลายหมื่นล้าน ส่วนกลุ่ม“สามารถดิจิตอล” ซึ่งนอกจากจะเร่งขยายธุรกิจ Digital Trunked Radio อย่างจริงจังแล้ว ยังได้มีการพัฒนา Content Application ใหม่ๆ เพื่อสร้างแหล่งรายได้ประจำจากดิจิตอลคอนเทนส์
ล่าสุดเปิดตัวแอพพลิเคชั่น Trippointz ร่วมกับททท. เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว 12 เมืองรอง โดยนักท่องเที่ยวสามารถใช้แอพนี้ในการวางแผนการเดินทางท่องเที่ยว ทั้งที่กิน ที่พัก ที่เที่ยว และได้รับสิทธิประโยชน์และของรางวัลมากมายจากการสะสมแต้ม พร้อมต่อยอดแอพ Trippointz สู่การเป็น “วันสต็อบ” ในเรื่องของการท่องเที่ยวครบวงจรต่อไป และตั้งเป้าจำนวนดาวโหลด 100,000 รายในสิ้นปี
ส่วนบริษัท เทด้า จำกัด ซึ่งอยู่ภายใต้กลุ่มสามารถยูทรานส์ ก็มีโอกาสการเติบโตทางธุรกิจที่ชัดเจนจากนโยบายในการนำสายไฟลงดินของการไฟฟ้านครหลวง ที่ผ่านมาได้เซ็นสัญญา มูลค่ากว่า 800 ล้านบาท และคาดว่าจะได้เซ็นสัญญาโครงการใหม่ มูลค่ากว่า 2,500 ล้านบาทในเร็วๆนี้
ทั้งนี้ สรุปผลการดำเนินงานของ “กลุ่มสามารถ” ในไตรมาสแรกของปี 2561 บริษัทฯ มีรายได้และกำไรดีกว่าช่วงไตรมาส 4 ปี 2560 ที่ผ่านมา โดยมีรายได้รวม 2,431 ล้านบาท กำไรสุทธิ 14 ล้านบาท โดยกลุ่ม ICT Solution มีรายได้ 1,432 ล้านบาท กำไร 61 ล้านบาท
กลุ่ม Samart Digital มีรายได้ 172 ล้านบาท ขาดทุน 145 ล้านบาท กลุ่ม Samart U-Trans มี Cambodia Air Traffic Services เป็นหัวหอกสำคัญ มีรายได้ 742 ล้านบาท กำไร 123 ล้านบาท
ด้านกลุ่ม Related Business โดยบมจ.วันทูวัน คอนแทคส์ มีรายได้รวม 170 ล้านบาท กำไรสุทธิ 8.1 ล้านบาท ได้รับการว่าจ้างให้ต่อสัญญาหลายฉบับ มูลค่ารวมประมาณ 190 ล้านบาท ส่งผลให้มีงานในมือแล้วประมาณ 835 ล้านบาท
ที่สำคัญมีการจัดตั้งบริษัทย่อย ชื่อ “บริษัท อินโน ฮับ จำกัด” เพื่อดำเนินการวิจัยและพัฒนาซอฟต์แวร์ และนวัตกรรมใหม่ๆ รองรับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และพฤติกรรมผู้บริโภค เพื่อต่อยอดธุรกิจ Contact Center ในส่วนของ non-voice เช่น Social monitoring, Chatbot
“ด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจทั้งภายในและต่างประเทศกำลังส่อเค้าสัญญาณดีขึ้นเรื่อยๆ บวกกับปริมาณงานโครงการที่เราจะร่วมประมูลมากกว่าทุกปี ผมจึงมีความมั่นใจว่าปีนี้กลุ่มสามารถจะมีผลประกอบการที่ดีกว่าปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน ทั้งรายได้และกำไร รวมทั้งบริษัทจะเติบโตอย่างยั่งยืนหลังการทรานสฟอร์มธุรกิจในสายดิจิตอลเป็นผลสำเร็จ” นายวัฒน์ชัย กล่าวปิดท้าย