คลังเก็บ

รีวิว realme 10 Pro Series สมาร์ตโฟนดีไซน์ Hyperspace จอ 120Hz, กล้อง Prolight 108MP และชาร์จไวสุด 67W

ไฮไลท์ฟีเจอร์เด่นบน realme 10 Pro Series

ชิปประมวลผลสุดแรง

realme 10 Pro 5G ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 695 5G อันทรงพลัง และยังประหยัดพลังงานด้วยเทคโนโลยีการผลิต 6 นาโนเมตร มีประสิทธิภาพ CPU ที่แรงขึ้น 15% และ GPU Adreno 619 ที่แรงขึ้น 30% ให้ประสบการณ์การเล่นเกมแสดงอัตราเฟรมเกมที่สูงขึ้น และมีเสถียรภาพมากขึ้นด้วย รวมทั้งรองรับ 5G ทั้งคลื่น Sub-6 และ mmWave

นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่ม RAM ได้ถึง 16GB Dynamic RAM 8GB + 8GB รองรับแอปทที่ทำงานได้อย่างราบรื่นในเวลาเดียวกัน ขณะที่หน่วยความจำภายนอกมีขนาดใหญ่สูงสุด 256GB เพิ่มได้ด้วยการ์ดหน่วยความจำภายนอก microSD Card สูงสุด 1TB

ขณะที่ realme 10 Pro+ 5G ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ท MediaTek Dimensity 920 5G ที่ผลิตบนพื้นฐานสถาปัตยกรรมขนาด 6nm ทำให้ประสิทธิภาพการใช้งานดีขึ้น ความถี่หลักของ CPU เพิ่มขึ้นจาก 2.4 GHz เป็น 2.5 GHz เพิ่มขึ้น 4% ในประสิทธิภาพการทำงานแบบ single-core สำหรับ GPU ยังคงเป็น Mali-G68 MC4 ซึ่งความถี่ของ GPU ได้ปรับปรุงประสิทธิภาพการเล่นเกม 9% ผู้ใช้งานสามารถถ่ายภาพที่มีรายละเอียดได้มากขึ้น 35% เมื่อเทียบกับชิป Dimensity รุ่น ก่อนหน้านี้

realme 10 Pro+ 5G มาพร้อม RAM 12GB สามารถเพิ่ม RAM ได้ถึง 24GB Dynamic RAM 12GB+12GB มากที่สุดในเซ็กเมนต์ รองรับการเปิดแอปใช้งานได้พร้อมกันสูงสุด 26 แอป และมีพื้นที่หน่วยความจำภายในสูงสุด 256GB เพิ่มได้ด้วยการ์ดหน่วยความจำภายนอก microSD Card สูงสุด 1TB

หน้าจอที่มีอัตรารีเฟรชเรทสูง

realme 10 Pro 5G รองรับอัตราการรีเฟรชหน้าจอ 120Hz และรองรับอัตราการสุ่มตัวอย่างแบบสัมผัส 240Hz มอบประสบการณ์ที่ลื่นไหล ไม่มีกระตุก โดยอัตรารีเฟรชเรทแบบปรับได้ 6 ระดับประกอบด้วยการอ่าน 30Hz, รับชมภาพยนตร์ 48Hz, วิดีโอ 50Hz, เล่นเกม 60/90Hz และสตรีม 90/120Hz

ส่วน realme 10 Pro+ 5G มาพร้อมหน้าจอแสดงผลแบบ Super AMOLED โดยรองรับอัตรารีเฟรชเรทสูงสุด 120Hz พร้อมอัตราสุ่มตัวอย่างแบบสัมผัส (Touch Sampling Rate) สูงสุด 360Hz ทำให้เล่นเกมหรือดูคอนเทนต์ต่างๆ ได้อย่างลื่นไหล และสามารถตั้งค่าที่รีเฟรชเรท 60Hz เพื่อประหยัดแบตเตอรี่ได้

สมาร์ทโฟนเครื่องแรกที่มาพร้อมกับ realme UI 4.0 ตั้งแต่แกะกล่อง

realme 10 Pro series เป็นสมาร์ตโฟนกลุ่มแรกของแบรนด์ที่มาพร้อมเฟิร์มแวร์เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด realme UI 4.0 และยังเป็นเฟิร์มแวร์แรก ๆ ที่พัฒนาบนระบบปฏิบัติการ Android 13 ที่เปิดตัวเมื่อไม่นานมานี้

ทำให้ realme UI 4.0 นำเสนอฟีเจอร์ใหม่ ๆ มากมายที่มีใน Android 13 พร้อมการอัปเกรดใน 4 ด้านหลัก ได้แก่ การออกแบบอินเตอร์เฟซ ปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้งาน ความลื่นไหล และความปลอดภัยของข้อมูล เพื่อมอบความสะดวกสบายและประสบการณ์การใช้งานที่ราบรื่นสูงสุด

realme UI 4.0 ใหม่ใช้เลย์เอาต์สไตล์การ์ด การจัดกลุ่มข้อมูลส่วนต่าง ๆ รวมถึงศูนย์ควบคุมใหม่ใน ‘การ์ด’ เหล่านี้ รวมถึงไอคอนพื้นผิวที่แท้จริง เลียนแบบรูปร่างและพื้นผิวของวัตถุตามธรรมชาติ มอบประสบการณ์การมองเห็นที่เป็นธรรมชาติแก่ผู้ใช้

ด้วยระบบการโต้ตอบอันชาญฉลาด (เฉพาะ realme 10 Pro+ 5G) ประกอบด้วย

Smart Music AOD

ด้วยการแตะสองครั้ง ผู้ใช้สามารถควบคุมเสียงบน AOD ได้อย่างง่ายดาย และรับคำแนะน้าส้าหรับเพลย์ลิสต์เพลงตามความต้องการ (แอปที่รองรับ: Spotify)

Customized AOD

AOD ใหม่มอบสไตล์ที่หลากหลายให้คุณเลือก ซึ่งท้าให้สมาร์ตโฟนของคุณมีทั้งเอกลักษณ์และศิลปะ

Smart Home

ผู้ใช้สามารถเข้าถึงแอปในโฟลเดอร์ขนาดใหญ่ในหน้าจอหลักได้โดยตรงในขั้นตอนเดียว

ฟังก์ชั่นในระบบพื้นฐานใน realme UI 4.0 ยังได้รับการอัปเกรดด้วย Dynamic Computing Engine อันทรงพลังแบบใหม่ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในภาพรวมพร้อมลดการใช้พลังงานของระบบ ทำให้ผู้ใช้สนุกสนานกับสมาร์ตโฟนได้อย่างยาวนานกับประสบการณ์ที่ไหลลื่นไม่มีสะดุด ซึ่งผลการทดสอบระบุว่า realme UI 4.0 มีประสิทธิภาพสูงขึ้น 10% และช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ในระหว่างเล่นเกมได้ 4.7%

นอกจากนี้ realme UI 4.0 ยังพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ Auto Pixelate ให้ผู้ใช้สามารถเบลอข้อมูลส่วนตัวแบบอัตโนมัติได้อย่างง่าย ๆ ในคลิกเดียวเมื่อคุณทำการบันทึกภาพหน้าจอด้วยแอปส่งข้อความที่ใช้งานบ่อย ๆทั้ง Whatsapp และ Messenger ช่วยให้คุณปราศจากความกังวลว่าจะเผลอเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว

วันนี้ยังคงมีผู้ใช้หลายคนที่ยังรู้สึกกังวลเรื่องความปลอดภัยของเอกสารลับและภาพส่วนตัว realme UI 4.0 มาพร้อม Private Safe เครื่องมือความปลอดภัยใหม่ล่าสุดที่พัฒนาบนมาตรฐาน Advanced Encryption Standard (AES) เพื่อจัดเก็บภาพถ่ายส่วนตัว เพลง วิดีโอ เอกสาร และอื่นๆ ของคุณด้วยการล็อกที่มีความปลอดภัยสูง มอบบริการปกป้องความเป็นส่วนตัวแบบครบวงจรแก่คุณ

รองรับ 5G+5G Dual Mode

realme 10 Pro Series 5G รองรับ 5G +5G Dual Mode ที่เร็วแรงและลื่นไหล พร้อมใช้งาน 5G ในประเทศไทยได้ทันทีตั้งแต่แกะกล่อง โดยรองรับคลื่นความถี่ n1/n3/n5/n7/n8/n20/n28/n66/n38/n40/n41/n77/n78

แบตใหญ่ ชาร์จไว

realme 10 Pro 5G มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 5,000mAh รองรับระบบชาร์จเร็ว 33W SuperVOOC ชาร์จ 0-50% ภายในเวลาเพียง 29 นาที และชาร์จอย่างปลอดภัยด้วยชิป4 คอร์อัจฉริยะจะช่วยระบุสภาวะการชาร์จ adapter นอกจากนี้ ยังป้องกันกระแสไฟเกินและฟิวส์แบตเตอรี่

ส่วน realme 10 Pro+ 5G มาพร้อมแบคเตอรี่ความจุ 5,000mAh รองรับระบบชาร์จเร็ว 67W SuperVOOC ชาร์จ 0-50% ภายในเวลาเพียง 17 นาที และชาร์จเต็ม 100% ภายในเวลา 47 นาที รวมทั้งมีระบบการป้องกันความปลอดภัยในการชาร์จ 38 ชั้น และกำลังชาร์จ ประสิทธิภาพการแปลง 98%

คุณสมบัติการใช้งาน

realme 10 Pro Seroies มาพร้อม Dark Mode หรือโหมดกลางคืน สำหรับปรับสีของหน้า UI ให้อยู่ในโทนสีดำ เพื่อช่วยให้ใช้งานได้อย่างสบายตามากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการอ่านหนังสือ และยังทำให้เครื่องใช้พลังงานน้อยลงช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ด้วย โดยเปิดอัตโนมัติในเวลากลางคืน

สามารถเลือกปรับได้ 3 สไตล์ คือ Enhanced (ดำสนิท), Medium (เทาเข้ม) และ Gentle (เทา) ซึ่งแต่ละรูปแบบก็จะมีคอนทราสต์ที่แตกต่างกันไป สามารถตั้งค่าเป็น Auto ให้ตัวเครื่องทำการวัดแสงโดยรอบจากเซ็นเซอร์ ambient แล้วประมวลผลเลือกรูปแบบที่เหมาะสมที่สุดตามช่วงเวลานั้น ๆ ให้เอง

พร้อมโหมดสีหน้าจอที่เลือกปรับได้ทั้งเจิดจ้า เป็นธรรมชาติ และโหมดโปรที่เลือกได้ทั้งภาพยนตร์ และสดใส รวมถึงมีโหมดถนอมสายตา และปรับอุณหภูมิสีหน้าจอได้ โดยการเพิ่มอุณหภูมิสีเพื่อลดรังสีแสงสีฟ้า เพื่อป้องกันอาการปวดตา และสามารถตั้งเวลา เปิด-ปิด อัตโนมัติ และมีฟีเจอร์ O1 Ultra Vision Engine ซึ่งเป็นเทคโนโลยี SDR-to-HDR ช่วยเพิ่มขอบเขตสีเพื่อประสบการณ์การรับชมที่ยอดเยี่ยม และประหยัดแบตเตอรี่

realme 10 Pro 5G
realme 10 Pro+ 5G

realme 10 Pro Series รองรับการปลดล็อคหน้าจอด้วยใบหน้า Face Unlock เพียงลงทะเบียนด้วยใบหน้า ซึ่งจะใช้ได้เพียงหน้าเดียวเท่านั้น จากนั้นเมื่อหน้าจอติดมองไปยังบนหน้าจอก็สามารถปลดล็อคได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ใบหน้าเพื่อเข้าสู่แอปที่ป้องกันไว้ หรือในพื้นที่ที่ต้องการความปลอดภัยได้

realme 10 Pro 5G
realme 10 Pro+ 5G

รองรับการปลดล็อคหน้าจอ ล็อคแอป และเก็บข้อมูลส่วนตัวด้วยการสแกนลายนิ้วมือ โดย realme 10 Pro 5G ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนปุ่มเปิดปิดด้านขวาข้างเครื่อง Ultra-fast Side Fingerprint ส่วน realme 10 Pro+ 5G ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้หน้าจอ In-display Fingerprint

realme 10 Pro+ 5G

realme 10 Pro+ 5G ยังมาพร้อมฟีเจอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ โดยเซ็นเซอร์ที่ว่านี้จะมาพร้อมกับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังบนหน้าจอ ซึ่งผู้ใช้จะต้องเปิดฟีเจอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจบนอุปกรณ์ก่อนแล้วใช้นิ้วแตะบนส่วนของเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ จนกว่าจะแสดงการอ่านบนหน้าจอ

realme 10 Pro 5G ติดตั้งลำโพงสเตอริโอคู่ UltraBoom Speaker ที่สามารถเพิ่มระดับเสียงได้ถึง 200% ผ่านซอฟต์แวร์
เหมาะส่าหรับงานปาร์ตี และความบันเทิง

พร้อมรองรับระบบเสียง Real Sound ที่พัฒนาร่วมกันระหว่าง realme และ Dirac Research AB  เพื่อประสบการณ์การฟังที่เหนือชั้น โดยเฉพาะการฟังเพลง หรือชมภาพยนตร์ที่จะได้อรรถรสเพิ่มขึ้น

ส่วน realme 10 Pro+ 5G ติดตั้งลำโพงสเตอริโอคู่พร้อมความละเอียดสูงรองรับ Hi-Res Audio พร้อมรองรับระบบเสียง Real Sound ที่พัฒนาร่วมกันระหว่าง realme และ Dirac Research AB  เพื่อประสบการณ์การฟังที่เหนือชั้น โดยเฉพาะการฟังเพลง หรือชมภาพยนตร์ที่จะได้อรรถรสเพิ่มขึ้น

ประสิทธิภาพ

ทดสอบการเล่นเกม

realme 10 Pro 5G ใช้ชิปเซ็ท Qualcomm SM6375 Snapdragon 695 โดยใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 2.2GHz และหน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 619 จับคู่กับ RAM 8GB/12GB แบบ LPDDR4x และหน่วยความจำภายใน 256GB แบบ UFS 2.2 บวกกับหน้าจอแสดงผลที่มีอัตรารีเฟรชสูงถึง 120Hz ทำให้อัตราเฟรมเรทที่เสถียรเป็นพิเศษ

ขณะที่ realme 10 Pro+ 5G ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ท MediaTek Dimensity 920 5G (6 nm) เพิ่มศักยภาพในการเล่นเกมมิ่งได้สูงขึ้น 9% เมื่อเทียบกับ Dimensity 900 รุ่นก่อน โดยใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 2.5GHz และหน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G68 MC4 จับคู่กับ RAM 8GB แบบ LPDDR4x, หน่วยความจำภายใน 256GB

เท่าที่ได้ลองทดสอบโดยใช้งานปกติทั่วไปปรากฏว่า realme 10 Pro Series ทั้ง 2 รุ่นใช้งานได้อย่างไหลลื่นไม่มีสะดุด และตอบสนองการใช้งานได้เป็นอย่างดี

ส่วนการเล่นเกมได้ลองกับเกม ROV เกมแนว MOBA สุดฮิตของบ้านเรา

โดย realme 10 Pro 5G ตั้งค่า FPS ระดับสูง ด้วยขุมพลังชิปเซ็ท Snapdragon 695 ทำให้เล่นเกมได้อย่างลื่นไหล ไม่มีอาการหน่วง หรือกระตุก

โดย realme 10 Pro+ 5G ตั้งค่าภาพ FPS ด้วยชิปเซ็ท MediaTek Dimensity 920 สามารถเล่นบนเฟรมเรทสูงได้สบายๆ และถ้าเลือกตั้งค่าเกมให้เป็นค่าเริ่มต้น ก็จะสามารถตีป้อมได้ค่อนข้างลื่นเลยทีเดียว

ต่อด้วยเกม PUBG Mobile เกมแบทเทิลรอยัล

โดย realme 10 Pro 5G สามารถปรับตั้งค่ากราฟิกที่ “HD” ส่วนเฟรมเรทตั้งไว้ที่ระดับสูง ต่หากปรับกราฟิกเป็น “Smooth” ก็จะสามารถปรับเฟรมเรทได้ถึง Ultra เลยทีเดียว ด้วยชิปเซ็ท Snapdragon 695 บวกกับ RAM สูงสุด 12GB และจอ 120Hz Ultra Smooth Display ทำให้สามารถเล่นได้ไม่หน่วง และไหลลื่น

ส่วน realme 10 Pro+ 5G สามารถปรับตั้งค่ากราฟิกที่ “HD” ส่วนเฟรมเรทตั้งไว้ที่ระดับสูง ซึ่งในภาพรวมถือว่าทำผลงานได้น่าประทับใจ เพราะแทบไม่พบอาการแลคให้หงุดหงิดใจ

อ่านต่อหน้า 3