คลังเก็บ

รีวิว nubia Air เมื่อความบาง 5.9 มม. มาพร้อมความทนทานระดับ IP69K และแบตอึด 5000mAh

ในปี 2025 ที่หลายค่ายพยายามชิงตำแหน่ง “มือถือที่บางที่สุด” จนต้องยอมลดสเปคสำคัญอย่างแบตเตอรี่ลงไป (เช่น iPhone Air หรือ S25 Edge) แต่ nubia (แบรนด์ลูกของ ZTE) กลับเลือกเดินเกมที่แตกต่าง ด้วยการเปิดตัว nubia Air ภายใต้คอนเซปต์ “Born Solid, Built Slim” (เกิดมาแกร่ง แต่สร้างมาให้บาง) ซึ่งเป็นการนำเสนอสมาร์ตโฟนที่บางเฉียบ แต่ไม่ทิ้งความทนทานและแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้จริง

นอกจากนี้ยังมาพร้อมความแข็งแกร่งทนทานอย่างไม่น่าเชื่อ ด้วยมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP69K สามารถลงน้ำลึก 1.5 เมตร ได้นานถึง 30 นาที และยังทนน้ำร้อนได้อีกด้วย และแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000mAh ที่มาพร้อมระบบ AI ช่วยประหยัดพลังงาน ทำให้ใช้งานได้ยาวนานกว่า 3 ปีโดยที่แบตไม่เสื่อมเร็ว หลายคนคงอยากรู้แล้วใช่ไหมว่า nubia Air จะน่าสนใจมากน้อยแค่ไหนไปติดตามรีวิวกันเลยครับ

เปคเบื้องต้น nubia Air

ขนาด164.2 x 76.6 x 6.70 มม.
น้ำหนัก172 กรัม
หน้าจอหน้าจอแสดงผลแบบ AMOLED ความละเอียด 1224 x 2720 พิกเซล (440 ppi) ขนาด 6.78 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9 โดยมีอัตรารีเฟรชเรท 120Hz ความสว่าง 4500nits และครอบทับด้วยกระจกกันรอย Corning Gorilla Glass 7i
หน่วยประมวลผล Octa Core ความเร็ว 2.2GHz โดยใช้ชิปเซ็ท Unisoc T8300 (6 nm), หน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G57 MP2
RAM8GB (+ 12GB EXTENDED RAM)
หน่วยความจำภายในเครื่อง256GB
microSD Card
กล้องถ่ายภาพกล้องหลัง 3 AI Triple Camera พร้อมไฟแฟลช LED ประกอบด้วย
– กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล, รูรับแสง f/1.6 (wide) และระบบ PDAF
– กล้องตัวที่สองเลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
– กล้องตัวที่ 3 เลนส์เสริม

กล้องหน้าเซลฟี่ ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0
ระบบปฏิบัติการAndroid 15 ครอบทับด้วย MyOS 15
เชื่อมต่อWi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, Bluetooth 5.4, A2DP, LE, GPS with A-GPS, GALILEO, GLONASS, NFC, USB Type-C
รองรับระบบ2G bands: 850 / 900 / 1800 / 1900
3G bands: 850 / 900 / 1900 / 2100
4G bands: 1, 2, 3, 4, 5, 7, 8, 20, 28, 38, 40, 41
5G bands: 1, 3, 7, 8, 20, 28, 38, 40, 41, 71, 77, 78 SA/NSA
แบตเตอรี่5,000 mAh รองรับระบบชาร์จไว 33W 
สีดำ, ทอง
ราคาราคา  6,790 บาท 

อุปกรณ์ภายในกล่อง

กล่องแพ็คเกจจิ้งของ nubia Air เป็นกล่องกระดาษแข็ง ด้านหน้ากล่องมีรูปตัวเครื่องที่เผยให้เห็นดีไซน์ด้านข้างที่บางเฉียบ 5.9 มม. Ultra Slim Design พร้อมระบุสเปกหน้าจอแสดงผลแบบ AMOLED 6.78 นิ้ว ความละเอียด 1.5K ส่วนด้านซ้ายเครื่องมีชื่อรุ่น ขณะที่ด้านขวาระบุสเปกเด่น และด้านท้ายเครื่องระบุหน่วยความจำ เลขอีมี่ และสีตัวเครื่อง

อุปกรณ์ภายในกล่องประกอบไปด้วย

  • ตัวเครื่อง nubia Air
  • เคส
  • เข็มจิ้มถาดซิม
  • สายชาร์จ microUSB
  • อะแดปเตอร์
  • คู่มือการใช้งาน และใบรับประกัน

รูปลักษณ์ดีไซน์

ตัวเครื่อง nubia Air มีรูปลักษณ์ดีไซน์โดดเด่นด้วยกรอบโลหะสุดพรีเมียม ขอบจอบางเฉียบ และมุมเครื่องโค้งมนแบบใหม่ ให้สัมผัสเรียบหรูและถือถนัดมือ ออกแบบตามหลัก Ergonomic Design เพื่อช่วยลดแรงกดที่ข้อมือระหว่างใช้งานเป็นเวลานาน ไม่ว่าจะเล่นเกม ดูซีรีส์ หรือถ่ายเซลฟี่ก็สบายมือทุกมุมมอง

โดดเด่นด้วยดีไซน์ Ultra Slim ที่บางเฉียบเพียง 5.9 มม.

เรียกได้ว่า nubia Air ไม่เพียงแค่บางและสวย แต่ยังแข็งแกร่งในระดับ “Flagship Durability” ที่พร้อมรับทุกสถานการณ์ของการใช้งานในชีวิตจริง และมี 2 สีให้เลือก คือ สีเขียว Ice Green และสีดำ Titanium Black และสีทอง Titanium Desert ซึ่งสีที่ทาง MobileOcta ได้มารีวิวคือ สีทอง Titanium Desert

แม้จะบาง แต่หน้าจอกลับจัดเต็ม nubia Air มาพร้อมจอแสดงผล AMOLED ขนาดใหญ่ 6.78 นิ้ว บนดีไซน์จอแบนที่หลายคนชื่นชอบ ความละเอียดสูงระดับ 1.5K (1224 x 2720 พิกเซล) ให้ความคมชัดถึง 440 ppi

ไฮไลท์คือ อัตรารีเฟรชเรท 120Hz และความสว่างสูงสุด (Peak Brightness) ที่น่าทึ่งถึง 4,500 nits ทำให้การใช้งานกลางแจ้งชัดเจนไร้ปัญหา และครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 7i ที่แข็งแกร่ง

ตรงกลางด้านบนเจาะรูฝังกล้องเซลฟี่ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล

พลิกมาด้านหลังตรงกลางด้านบนติดตั้งโมดูลกล้องรูปทรงวงรีขนาดใหญ่ ภายในมีเลนส์กล้อง 3 ตัวพร้อมไฟแฟลช LED และโลโก้ Neo Vision สีแดง

โดยกล้องหลัง 3 ตัว AI Triple Camera ประกอบด้วย

  • กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล, รูรับแสง f/1.6 (wide) และระบบ PDAF
  • กล้องตัวที่สองเลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
  • กล้องตัวที่ 3 เลนส์เสริม

ด้านซ้ายข้างเครื่องออกแบบเรียบ ๆ ไม่มีปุ่มกดหรือช่องใด ๆ

ด้านขวาข้างเครื่องมีปุ่มปรับเพิ่มลดระดับเสียง กับปุ่ม Power สำหรับเปิดปิดเครื่อง

ด้านบนเครื่องมีช่องไมโครโฟนตัดเสียง

ด้านท้ายเครื่องมีช่องใส่ SIM Card, ช่องไมโครโฟน, พอร์ต microUSB และช่องลำโพงเสียง

โดยช่องสำหรับใส่ SIM Card แบบ Dual SIM รองรับ SIM Card แบบ nanoSIM Card 2 ช่อง

คุณสมบัติการใช้งาน

nubia Air รันบนระบบปฏิบัติการ Android 15 ครอบทับด้วย MyOS 15 มีหน้าตาที่ดูเรียบง่ายคล้าย Pure Android แต่มีการปรับแต่งไอคอนและเมนูให้เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง โดยถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน เหมาะสำหรับผู้ใช้ทั่วไป แม้จะดูเรียบง่าย แต่ก็มีตัวเลือกในการปรับแต่งเพิ่มเติมให้ผู้ใช้เลือกได้

รองรับ 2 SIM แบบ dual sim dual standby สามารถใช้งาน 5G ได้พร้อมกันทั้งซิมหนึ่ง และซิมสอง

รองรับการปลดล็อคหน้าจอด้วยการสแกนใบหน้า

รองรับการปลดล็อคหน้าจอด้วยการสแกนนิ้วบนหน้าจอ

และมีฟีเจอร์ Phone Master สำหรับการจัดการระบบเครื่อง และเคลียไฟล์ขยะ รวมเอาไว้ให้ในแอปเดียว

ประสิทธิภาพ

nubia Air ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 2.2GHz โดยใช้ชิปเซ็ท Unisoc T8300 (6 nm), หน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G57 MP2, RAM 8GB + 12GB RAM Extension และหน่วยความจำภายในเครื่องขนาด 256GB

โดย Unisoc T8300 เป็นชิปเซ็ต 5G ระดับเริ่มต้นถึงระดับกลาง (Lower Mid-range) ที่ผลิตบนสถาปัตยกรรม 6 นาโนเมตร (nm) ออกแบบมาเพื่อสมาร์ตโฟนที่เน้นความคุ้มค่า ให้ประสิทธิภาพที่เพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปและสามารถเล่นเกมได้ในระดับที่ดี

เท่าที่ได้ลองทดสอบโดยใช้งานปกติทั่วไป เช่น การเล่นโซเชียลมีเดีย, ดูวิดีโอความละเอียดสูง และการสลับแอปฯ ทำได้อย่างลื่นไหล

ส่วนการเล่นเกม สามารถจัดการกับเกมยอดนิยมในปัจจุบันได้ดี (เช่น ROV, PUBG) ในการตั้งค่ากราฟิกระดับกลางถึงสูง ส่วนเกมที่กินสเปกสูงอย่าง Genshin Impact อาจต้องปรับกราฟิกในระดับต่ำถึงกลางเพื่อให้ได้เฟรมเรตที่เสถียร

nubia Air มีลำโพงเพียงตัวเดียว (Mono Speaker) แม้ว่าจะเป็นลำโพงเดี่ยว แต่จุดเด่นที่ทาง nubia ชูโรงในด้านระบบเสียงของรุ่นนี้คือ HiFi 4 DSP ชิปประมวลผลเสียง (Digital Signal Processor) โดยเฉพาะ ซึ่งช่วยให้คุณภาพเสียงที่ออกมาจากลำโพง (และหูฟัง) มีความคมชัด รายละเอียดดีขึ้น และมีมิติมากขึ้น

นอกจากนี้ยังมาพร้อมเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวน AI แบบคู่ พร้อม AI Echo Cancellation 3.0 ที่ให้เสียงคมชัดทั้งตอนฟังเพลงและโทรคุย

รวมทั้งรองรับมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP69K & IP69 & IP68 ทนต่อการจุ่มน้ำลึก 1.5 เมตร นาน 30 นาที และสามารถรับแรงดันน้ำร้อน อุณหภูมิ 80°C ได้โดยไม่เสียหาย มั่นใจได้ในทุกสถานการณ์


nubia Air ยังมาพร้อมฟีเจอร์ AI Translate แปลภาษาแบบเรียลไทม์ด้วย AI แปลภาษาทันทีระหว่างการโทร

พร้อม AI แปลภาษาอัตโนมัติระหว่างสนทนา พูดคนละภาษา ก็เข้าใจได้ทันที แปลบทสนทนาต่อหน้าทันทีแบบเรียลไทม์

แบตเตอรี่

แม้ตัวเครื่องจะบางเฉียบ แต่ nubia Air ก็ยังมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ความจุ 5,000mAh ซึ่งถือว่าเยอะมากสำหรับสมาร์ตโฟนที่บางขนาดนี้ และรองรับการชาร์จเร็ว 33W ซึ่งอยู่ในระดับมาตรฐาน เพียงพอต่อการใช้งาน และรองรับการชาร์จมากกว่า 1,000 รอบ พร้อมระบบ AI Power-Saving ที่ช่วยจัดการพลังงานอย่างชาญฉลาด ให้ใช้งานได้ยาวนานกว่า 3 ปีโดยไม่ลดประสิทธิภาพ

รวมทั้งมี AI Performance Engine ที่จัดการพลังงานและการทำงานของระบบได้อย่างชาญฉลาด ช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ได้นานขึ้นถึง 20% และลดการใช้พลังงานลง 25% เสริมด้วยฟีเจอร์ใหม่ nubia linkfree ที่ให้คุณโทรหรือส่งข้อความผ่านบลูทูธได้แม้ไม่มีสัญญาณเครือข่าย

หลังจากที่ได้ทำการทดสอบโดยใช้งานแบบทั่วไปปรากฏว่าสามารถใช้งานได้ข้ามวันได้สบาย ๆ ไม่ว่าจะเล่นเกม ท่องอินเทอร์เน็ต ดูคลิปวิดีโอ หรือใช้งานทั่วไป

ด้านการถ่ายภาพ

nubia Air  ติดตั้งกล้องหลัง 3 ตัว AI Triple Camera ประกอบด้วย

  • กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล, รูรับแสง f/1.6 (wide) และระบบ PDAF
  • กล้องตัวที่สองเลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
  • กล้องตัวที่ 3 เลนส์เสริม

สามารถเลือกโหมดการถ่ายทั้งแบบปกติ, วิดีโอ, วิวกลางคืน, พอร์ตเทรต, กีฬา, 50MP และครอบครัวกล้องที่มีให้เลือกทั้งถ่ายวิดีโออย่างล่วงเลย, มืออาชีพ, เอกสาร, พาโนรามา, การเปิดรับแสงแบบมัลติ, กล้องแบบมัลติ, สีเดียว และ VLOG

เสริมด้วยเทคโนโลยี AI Sport Snapshot และ EIS Video Anti-Shake วิดีโอนิ่งแม้เคลื่อนไหว พร้อมฟีเจอร์ AI Super Night และ AI HDR ที่ช่วยให้ภาพสวยแม้ในที่แสงน้อยหรือย้อนแสง ตอบโจทย์ทั้งสายคอนเทนต์และผู้ใช้ทั่วไป พร้อมโหมด VLOG, ระบบถ่ายหลายกล้องพร้อมกัน และเครื่องมือ AI Magic Photos ที่รวมฟังก์ชันตัดต่อครบจบในเครื่องเดียว

รวมทั้งตั้งค่าเปิดปิดไฟแฟลชอัตโนมัติ, เปิดปิด HDR, เปิดปิดสมาร์ท AI, เลือกฟิลเตอร์, เลือกอัตราส่วนภาพ, ตั้งเวลาถ่ายอัตโนมัติ, รูปภาพไดนามิก, ตาราง และเครื่องมือวัดระดับ โดยภาพนิ่งสามารถถ่ายที่ได้ความละเอียดสูงสุด 8192×6144 พิกเซล ส่วนวิดีโอสามารถบันทึกได้ที่ความละเอียดสูงสุด FHD 1080P@30fps

ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล มาพร้อมโหมดตกแต่งด้วย AI, โหมดบิวตี้ ที่เลือกการปรับความสวยได้ถึง 7 ระดับ รวมถึงมีโหมด Portrait ถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ และวิดีโอ

ตัวอย่างภาพจากกล้อง

บทสรุป

nubia Air ถือเป็นสมาร์ตโฟน 5G ที่มีจุดขายชัดเจนในการรวมเอา “ความหรูหรา” (ดีไซน์บางเฉียบ) และ “ความทนทาน” (กันน้ำระดับสูงสุด) เข้าไว้ด้วยกันในราคาที่ย่อมเยา ด้วยดีไซน์บางเฉียบบางเพียง 5.9 มม. และเบา 172 กรัม พกพาง่ายและดูพรีเมียม ผสานกับความทนทานระดับท็อป กันน้ำกันฝุ่น IP68, IP69 และ IP69K (ทนทานต่อน้ำแรงดันสูง/อุณหภูมิสูงได้) ซึ่งหายากมากในมือถือดีไซน์แบบนี้

นอกจากนี้ยังมาพร้อมหน้าจอสวยจัด AMOLED 1.5K (คมกว่า FHD+) ขนาด 6.78 นิ้ว, รีเฟรชเรท 120Hz และสว่างสูงสุด 4,500 nits (สู้แสงแดดจัดได้สบาย) และแบตเตอรี่อึดในร่างบาง ที่ให้ความจุ 5,000 mAh ซึ่งเยอะมากสำหรับมือถือที่บางขนาดนี้ เรียกได้ว่าเป็นสมาร์ตโฟนที่สร้างจุดยืนของตัวเองได้ชัดเจนมาก คือการรวมเอา “ความหรูหรา” (ความบาง) และ “ความถึกทน” (IP69K) มาไว้ในเครื่องเดียวกันในราคาที่เข้าถึงง่ายครับ

nubia Air วางจำหน่ายในไทย 2 สีสุดพรีเมียม ได้แก่ Titanium Black และ Titanium Desert ในราคา 6,799 บาท

สั่งซื้อได้แล้ววันนี้ผ่านช่องทางออนไลน์ และหน้าร้าน BaNANA ทุกสาขา
Lazada – https://shorturl.at/65dOP
Shopee – https://shorturl.at/hMbTf
Tiktok – https://shorturl.at/kuwdf