คลังเก็บ

เปิดตัว Nothing Phone (3) มาพร้อม Glyph Matrix, ชิป Snapdragon 8s Gen 4 และแบตเตอรี่ 5,150mAh

Nothing ประกาศเปิดตัว Nothing Phone (3) สมาร์ตโฟนเรือธงรุ่นใหม่อย่างเป็นทางการ โดยมาพร้อมการออกแบบใหม่ที่โดดเด่นควบคู่ไปกับการอัปเกรดสเปกต่าง ๆ ของรุ่นต่าง ๆ Glyph Interface ได้พัฒนาเป็น Glyph Matrix ซึ่งเป็นหน้าจอแสดงผล LED ขาวดำที่อยู่ที่มุมขวาบนของด้านหลังโทรศัพท์

สเปก Nothing Phone (3)

หน้าจอแสดงผล Punch Hole Display แบบ LTPO OLED 1 พันล้านสี ความละเอียด FHD+ 1080 x 2412 พิกเซล ขนาด 6.7 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9 โดยมีอัตรารีเฟรชเรท 120Hz, รองรับ HDR10+, อัตราการหรี่แสง PWM 1920Hz และครอบทับด้วยกระจกกันรอย Gorilla Glass Victus

ด้านหลังของ Nothing Phone (3) มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ Glyph Matrix ซึ่งเป็นหน้าจอที่มุมซ้ายบนของด้านหลัง เป็นหน้าจอเมทริกซ์จุดขนาด 25×25 พิกเซลที่ประกอบด้วย LED 489 ดวงที่ส่องสว่างแยกกัน และ Nothing กำลังทำอะไรบางอย่างที่แตกต่างอย่างแท้จริงด้วยสิ่งนี้ พวกเขาได้เปิดตัวสิ่งที่เรียกว่า Glyph Toys ซึ่งเป็นโปรแกรมเล็ก ๆ ที่น่าเล่นซึ่งออกแบบมาเพื่อทำงานโดยตรงบนหน้าจอด้านหลังนี้

คุณจะพบกับประสบการณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น หมุนขวด กระจก Glyph เกมเป่ายิ้งฉุบ และแม้แต่นาฬิกาดิจิทัล ตามที่บริษัทกล่าว สิ่งเหล่านี้คือ “โปรแกรมขนาดเล็กที่มีฟังก์ชันการทำงานที่จำกัดและรูปแบบการโต้ตอบที่เรียบง่าย” และแน่นอนว่า Glyph Matrix จะแสดงสิ่งต่าง ๆ เช่น หมายเลขผู้โทร ข้อความเฉพาะแอป ข้อมูลสถานะระบบ และอื่น ๆ อีกมากมาย

นักพัฒนายังสามารถเข้าถึง Glyph SDK ได้ ซึ่งหมายความว่า Glyph Toys จากบุคคลที่สามอาจเริ่มปรากฏขึ้น โดยสมมติว่ามีผู้สนใจ ที่น่าสนใจคือ ยังมีปุ่ม Glyph เฉพาะที่ให้คุณสลับไปมาระหว่างของเล่นเหล่านี้ได้โดยไม่ต้องปลุกหน้าจอหลัก

การควบคุมทางกายภาพใหม่อีกอย่างหนึ่งคือ Essential Key ซึ่งเป็นปุ่มด้านข้างที่ปรับแต่งได้ ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกพร้อมกับ Phone (3a) และ Phone (3a) Pro การแตะเพียงครั้งเดียวจะจับภาพหน้าจอ ในขณะที่การกดค้างไว้จะเริ่มบันทึกเสียง

ไม่น่าแปลกใจเลยที่สุนทรียศาสตร์แบบกึ่งโปร่งใสของ Nothing ยังคงเหมือนเดิม Phone (3) เผยให้เห็นส่วนภายในอีกครั้ง แม้ว่าจะเป็นเพียงรูปลักษณ์ภายนอกก็ตาม เป็นภาษาการออกแบบมากกว่าความโปร่งใสในการใช้งาน แต่ยังคงเป็นหนึ่งในลักษณะเฉพาะของแบรนด์

อย่างไรก็ตาม ในครั้งนี้ โครงร่างวงกลมที่เคยระบุคอยล์ชาร์จไร้สายหายไป แต่ต้องแน่ใจว่ารองรับการชาร์จไร้สาย

ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 3.21GHz โดยใช้ชิปเซ็ท Qualcomm SM8735 Snapdragon 8s Gen 4 (4 nm), หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 825,

RAM 8GB/12GB, หน่วยความจุภายใน 128GB/256GB/512GB แบบ UFS 4.0 และรันบนระบบปฎิบัติการ Android 15 ครอบทับด้วย Nothing OS 3.5 รองรับการอัปเดตระบบปฏิบัติการ 5 ปี และแพตช์ความปลอดภัย 7 ปี

ติดตั้งกล้องหลัง 3 ตัว พร้อมไฟแฟลช LED ประกอบด้วย

  • กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.9, 24mm (wide), 1/1.56″, 1.0µm, ระบบ PDAF และระบบกันสั่น OIS
  • กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Telephoto ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.9, 50mm, 1/2.88″, ระบบ PDAF และซูมออปติคัล 2 เท่า
  • กล้องตัวที่ 3 เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2, 15mm, 1/2.76″, 0.64µm และถ่ายมุมกว้างได้ 114 องศา

ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.5, (wide)

รวมทั้งรองรับการกันน้ำกันฝุ่น IP64, ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้หน้าจอแบบอัลตร้าโซนิก, ลำโพงคู่สเตอริโอ, รองรับ 2 SIM, รองรับ 4G/5G แบบ Dual Mode (SA และ NSA), 

Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, dual-band, Wi-Fi Direct, ฺBluetooth 5.3, NFC, พอร์ต USB Type-C, และใช้แบตเตอรี่ความจุ 5,150mAh รองรับชาร์จเร็ว 100W ชาร์จจาก 1% ถึง 50% ในเวลาไม่ถึง 20 นาที, ชาร์จไร้สาย 15W และชาร์จแบบย้อนกลับ 5W

ทั้งนี้ Nothing Phone (3) มีให้เลือก 2 สีคือ ขาว และดำ โดยจะเปิดให้สั่งซื้อล่วงหน้าได้ในวันที่ 4 กรกฎาคม 2025 ผ่านทาง Flipkart และจะเริ่มจำหน่ายในวันที่ 15 กรกฎาคม

ส่วนราคามีดังนี้

  • รุ่น RAM 12 + 256GB ราคา 79,999 รูปีหรือประมาณ 30,300 บาท
  • รุ่น RAM 16+ 512GB ราคา 89,999 รูปีหรือประมาณ 34,100 บาท

ที่มา : Gizmochina