iQOO Neo10 และ Neo10 Pro เปิดตัวในช่วงปลายปี 2024 โดยใช้ชิปเซ็ท Snapdragon 8 Gen 3 และ Dimensity 9400 ตามลำดับ ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัว iQOO Neo10 Pro+ ที่มาพร้อมการอัปเกรดครั้งใหญ่ด้วยชิปเซ็ตที่เร็วขึ้น จอแสดงผลที่ดีขึ้น แบตเตอรี่ที่ใหญ่ขึ้น และการปรับปรุงอื่น ๆ อีกด้วย
สเปก iQOO Neo10 Pro+
ตัวเครื่องมีขนาด 163.8 x 76.6 x 8.2 มม. และน้ำหนัก 212 กรัมหรือ 217 กรัม หน้าจอแสดงผลจอแบนแบบ Punch Hole Display แบบ LTPO AMOLED 1 พันล้านสี ความละเอียด 1440 x 3168 พิกเซล ขนาด 6.82 นิ้ว (510ppi) ในอัตราส่วน 20:9 รองรับ HDR10+, ความสว่างสูงสุด 4500nits โดยมีอัตรารีเฟรชเรท 1-144Hz และใช้ชิปภาพ iQOO Q2 ซึ่งจัดการความละเอียดและการอัปสเกลอัตราเฟรม iQOO ทำงานร่วมกับนักพัฒนาเกมเพื่อให้แน่ใจว่ารองรับ
ขับเคลื่อนด้วยหน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 4.32GHz โดยใช้ชิปเซ็ท Qualcomm SM8750-AB Snapdragon 8 Elite (3 nm), หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 830, RAM 12GB/16GB แบบ LPDDR5, หน่วยความจำภายใน 256GB/512GB/1TB แบบ UFS 4.0 และรันบนระบบปฎิบัติการ Android 15 ครอบทับด้วย OriginOS 5
ติดตั้งกล้องหลังคู่ Dual Camera พร้อมไฟแฟลช LED ประกอบด้วย
- กล้องตัวหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.9, 23mm (wide), ระบบ PDAF และระบบกันสั่น OIS
- กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2, ระบบ AF และถ่ายมุมกว้างได้ 119 องศา
ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.5 (wide)
นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบระบายความร้อน VC ชั้นเดียวขนาดใหญ่พิเศษ 7K พร้อมช่องแคปิลลารีตัวนำยิ่งยวดและนาโนกราฟีนออกไซด์ รายงานระบุว่าระบบดังกล่าวช่วยเพิ่มการกระจายความร้อนได้ 15% ช่วยให้เฟรมเรตคงที่ที่ 60FPS ใน Genshin Impact บนหน้าจอ 2K ซึ่งถือว่าน่าประทับใจสำหรับสมาร์ตโฟนระดับกลาง
รวมทั้งรองรับการกันน้ำกันฝุ่น IP65, ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือฝังใต้หน้าจอแบบอัลตร้าโซนิก, ติดตั้งลำโพงสเตอริโอ, รองรับ 2 SIM, รองรับ 4G/5G แบบ Dual Mode (SA/NSA), Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6/7, dual-band, Bluetooth 5.4, NFC, พอร์ตอินฟราเรด, พอร์ต USB Type-C
และใช้แบตเตอรี่ความจุ 6,800mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 120W สามารถชาร์จได้ถึง 70% ในเวลา 25 นาที และมีตัวเลือกบายพาสแบตเตอรี่ที่ทำให้โทรศัพท์ใช้พลังงานจากแหล่งจ่ายไฟภายนอก
ทั้งนี้ iQOO Neo10 Pro+ มีให้เลือก 3 สีคือ Black, White และ Blue โดยจะวางจำหน่ายแล้วที่ประเทศจีน
ส่วนราคามีดังนี้
- RAM 12GB+256GB ราคา 2,799 หยวนหรือประมาณ 10,880 บาท
- RAM 16GB+256GB ราคา 3,099 หยวนหรือประมาณ 11,830 บาท
- RAM 12GB+512GB ราคา 3,299 หยวนหรือประมาณ 12,780 บาท
- RAM 16GB+512GB ราคา 3,499 หยวนหรือประมาณ 14,200 บาท
- RAM 16GB+1TB ราคา 3,999 หยวนหรือประมาณ 16,560 บาท
ที่มา : Gsmarena