ASUS ประกาศเปิดตัว ASUS Zenfone 12 Ultra สมาร์ตโฟนเรือธงรุ่นใหม่ภาคต่อของ Zenfone 11 Ultra ที่เปิดตัวเมื่อปีก่อน โดยมาพร้อมขุมพลังชิปเซ็ท Snapdragon 8 Elite, กล้องหลัง 3 ตัวความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมระบบกันสั่นที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ และแบตเตอรี่ 5,500mAh
สเปก ASUS Zenfone 12 Ultra

ตัวเครื่องมีขนาด 163.8 x 77 x 8.9 มม. และน้ำหนัก 220 กรัม โดยใช้โครงอะลูมิเนียมรีไซเคิล 100% และกระจกรีไซเคิล 22% สำหรับหน้าจอ หน้าจอแสดงผล Punch Hole Display แบบ LTPO AMOLED ความละเอียด FHD+ 1080 x 2400 พิกเซล (388ppi) ขนาด 6.78 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9
โดยมีอัตรารีเฟรชเรทปรับได้ 1-120Hz และ 144Hz สำหรับเกมที่รองรับ, รองรับ HDR10, ความสว่างสูงสุด 2500 nits, ครอบทับด้วยกระจกกันรอย Corning Gorilla Glass Victus 2 และรองรับ Always-on display

ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 4.32GHz โดยใข้ชิปเซ็ท Qualcomm SM8750-AB Snapdragon 8 Elite (3 nm), หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 830,
RAM 12GB/16GB แบบ LPDDR5X, หน่วยความจำภายใน 256/512GB แบบ UFS 4.0 และรันบนระบบปฎิบัติการ Android 15 ครอบทับด้วย ZenUI
![]() | ![]() |
![]() | ![]() |
พร้อมคุณสมบัติ AI มากมาย โดยมีให้เลือกสองรูปแบบ ได้แก่ AI บนอุปกรณ์และ AI บนคลาวด์ ซึ่ง Zenfone 12 Ultra มาพร้อมกับรุ่น Llama 3 8B จาก Meta สามารถทำงานบนอุปกรณ์และใช้สำหรับสรุปข้อความคุณภาพสูง
AI Call Translator 2.0 ยังทำงานบนอุปกรณ์และทำในสิ่งที่เรียกว่า การแปลด้วยเสียงแบบเรียลไทม์สำหรับแอปโทรศัพท์เริ่มต้น รวมถึงแอปส่งข้อความของบุคคลที่สามที่รองรับการโทรผ่าน VoIP แอป Recorder มีคุณลักษณะ AI Transcript 2.0 พร้อมการระบุลำโพงหลายตัว สรุป และแปล นอกจากนี้คุณยังสรุปบทความและเอกสารได้อีกด้วย

ติดตั้งกล้องหลัง 3 ตัว Triple Camera พร้อมไฟแฟลช LED ประกอบด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony LYTIA 700, รูรับแสง f/1.9, 24mm (wide), ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.56″, ขนาดพิกเซล 1.0µm, ระบบ PDAF และระบบกันสั่น Gimbal Stabilizer 2.0 แบบไฮบริด 6 แกน ซึ่งตอนนี้เป็นเวอร์ชัน 4 แล้ว สามารถแก้ไขการเคลื่อนไหว ±5° ได้ ซึ่งดีขึ้น 66% เมื่อเทียบกับตัวกันสั่นแบบไฮบริดของ Zenfone 11 Ultra (เวอร์ชัน 3)
- กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2, 13mm, ขนาดเซ็นเซอร์ 1/3.0″, ขนาดพิกเซล 1.12µm และถ่ายมุมกว้างได้ 120˚
- กล้องตัวที่ 3 เลนส์ Telephoto ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4, 65mm, ขนาดเซ็นเซอร์ 1/3.2″, ขนาดพิกเซล 0.7µm, ระบบ PDAF, ระบบกันสั่น OIS, ซูมออปติคอล 3 เท่า และ HyperClarity 10-30 เท่า
ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล, รูรับแสง f/2.5, ขนาดเซ็นเซอร์ 1/3.2″, ขนาดพิกเซล 0.7µm และรองรับเทคโนโลยี RGBW
![]() | ![]() | ![]() | ![]() |
ภาพตัวอย่างจากกล้องหลัก
![]() | ![]() | ![]() | ![]() |
ภาพตัวอย่างจากกล้องเลนส์ Telephoto
![]() | ![]() | ![]() | ![]() |
ภาพตัวอย่างจากกล้องเลนส์ Ultrawide
![]() | ![]() | ![]() | ![]() |
ภาพตัวอย่างจากกล้องเซลฟี่
รวมทั้งติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้หน้าจอ, รองรับการกันน้ำกันฝุ่น IP68, ลำโพงคู่สเตอริโอ ที่ปรับแต่งโดย Dirac และรองรับเสียงความละเอียดสูง และระบบเสียง Lossless ของ Qualcomm aptX,
รองรับ 2 SIM, รองรับ eSIM, รองรับ 4G/5G Dual Band (SA/NSA), Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6e/7, tri-band, Wi-Fi Direct, Bluetooth 5.4, NFC, ช่องหูฟัง 3.5 มม., พอร์ต USB Type-C
และใช้แบตเตอรี่ความจุ 5,500mAh รองรับการชาร์จเร็ว HyperCharge 65W ชาร์จ 100% ภายใน 39 นาที
รวมทั้งรองรับ PD3.0, PPS, Quick Charge 5.0, รองรับการชาร์จแบบไร้สาย 15W และรองรับชาร์จแบบย้อนกลับ Reverse charging 10W

ทั้งนี้ ASUS Zenfone 12 Ultra มีให้เลือก 3 สีคือ Sage Green, Ebony Black และ Sakura White
ราคา 1,100 ยูโรหรือประมาณ 38,520 บาท สำหรับรุ่น RAM 16GB + 512GB ในยุโรป โดยมีส่วนลด 100 ยูโรสำหรับการสั่งซื้อล่วงหน้าจนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ และในครั้งนี้ บริษัทจะไม่เปิดตัวสมาร์ตโฟนรุ่นนี้ในสหรัฐอเมริกา
นอกจากนี้ บริษัทยังเปิดตัวในไต้หวันและฮ่องกงอีกด้วย โดยมีราคา 29,990 ดอลลาร์ไต้หวันหรือประมาณ 30,790 บาท สำหรับรุ่น RAM 12GB + 256GB และรุ่น RAM 16GB + 512GB มีราคา 31,990 ดอลลาร์ไต้หวันหรือประมาณ 32,840 บาท
ที่มา : Gsmarena



























