คลังเก็บ

กำไรสุทธิที่ปรับแล้วของเสียวหมี่ในไตรมาส 3 ปี 2568 พุ่งสูงถึง 80.9% เป็น 11.3 พันล้านหยวน เอาชนะการประมาณการตลาด

เสียวหมี่ คอร์เปอเรชัน (“เสียวหมี่ [Xiaomi]” หรือ “กลุ่มธุรกิจ Group]”; Stock Code:1810) บริษัทด้านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อผู้บริโภคและอุตสาหกรรมการผลิตอัจฉริยะด้วยการเป็นผู้นำด้านสมาร์ทโฟนและสมาร์ทฮาร์ดแวร์ที่เชื่อมต่อบนแพลตฟอร์ม Internet of Things (IoT) ประกาศผลการดำเนินงานไม่สอบทานสำหรับสามเดือน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 (“ไตรมาส 3 ปี 2568” หรือ “ช่วงเวลาดังกล่าว”)

ผลประกอบการไตรมาสที่สามของกลุ่มบริษัทยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง รายรับรวมในไตรมาสที่สามอยู่ที่ 1.131 แสนล้านหยวน เพิ่มขึ้น 22.3% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า นับเป็นไตรมาสที่สี่ติดต่อกันที่รายรับทะลุ 1 แสนล้านหยวน

โดยมีกำไรสุทธิที่ปรับแล้วอยู่ที่ 11.3 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 80.9% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้าซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้เป็นอย่างมากและทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ รายรับรวมในช่วงสามไตรมาสแรกของปีนี้อยู่ที่ 3.404 แสนล้านหยวน ซึ่งเป็นระดับใกล้เคียงกับทั้งปีของปีที่แล้ว และกำไรสุทธิที่ปรับแล้วอยู่ที่ 32.8 พันล้านหยวน ซึ่งสูงกว่ายอดรวมของปีที่แล้ว

ทุกกลุ่มธุรกิจของเสียวหมี่ภายใต้การดำเนินงานตามกลยุทธ์องค์กร “Human x Car x Home” ได้สะท้อนให้เห็นถึงความยืดหยุ่นในการเติบโตที่แข็งแกร่ง โดยกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ (“EV”), AI และโครงการริเริ่มใหม่อื่นๆ ประสบความสำเร็จอย่างก้าวกระโดดเป็นประวัติการณ์ในไตรมาสที่สาม

โดยมีรายรับจากการดำเนินงานเป็นบวกเป็นครั้งแรก รายรับจากกลุ่มธุรกิจนี้อยู่ที่ 29.0 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้นกว่า 199% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า ทั้งนี้รายรับจากธุรกิจสมาร์ทโฟนอยู่ที่ 46.0 พันล้านหยวน และยังคงสามารถรักษาอันดับหนึ่งในสามในการจัดส่งสมาร์ทโฟนทั่วโลกติดต่อกันได้เป็นไตรมาสที่ 21 ติดต่อกัน

รายรับจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ IoT และไลฟ์สไตล์อยู่ที่ 27.6 พันล้านหยวน และจำนวนอุปกรณ์ IoT ที่เชื่อมต่อบนแพลตฟอร์ม AIoT ของเสียวหมี่นั้นเกิน 1.0 พันล้านเครื่อง ในขณะที่รายรับจากบริการอินเทอร์เน็ตอยู่ที่ 9.4 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 10.8% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งทำสถิติใหม่สูงสุด โดยผลประกอบการอันแข็งแกร่งในทุกกลุ่มธุรกิจนั้นแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการดำเนินงานอันยอดเยี่ยมของกลุ่มบริษัท

การเติบโตของสินค้าและบริการในกลุ่มพรีเมียม (premiumization) ของเสียวหมี่ในทุกหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์กำลังพุ่งทะยานสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถยนต์ Xiaomi YU7 ที่เพิ่งเปิดตัวในปีนี้และถูกขนานนามให้เป็น “รถ SUV สุดหรูสมรรถนะสูง” ซึ่งได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางและยังสามารถครองอันดับ 1 ในด้านยอดขายในกลุ่มของรถยนต์ SUV ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ติดต่อกันถึงสามเดือน

ยิ่งไปกว่านั้นในเดือนตุลาคมเสียวหมี่ยังครองตำแหน่งรถยนต์ SUV ที่ขายดีที่สุดในทุกหมวดหมู่ในจีนแผ่นดินใหญ่อีกด้วย ในขณะที่สมาร์ทโฟนเรือธงระดับพรีเมียมของเสียวหมี่อย่าง Xiaomi 17 ก็ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากเช่นกัน

และในช่วงเทศกาล 11.11 สมาร์ทโฟน Xiaomi 17 Pro Max ยังครองแชมป์ทั้งยอดขายและยอดรายรับจากการขายสมาร์ทโฟนภายในประเทศที่มีราคาสูงกว่า 6,000 หยวนบนทุกแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในจีนแผ่นดินใหญ่ และกลายมาเป็นผลิตภัณฑ์ยอดนิยมในตลาดพรีเมียมอีกด้วย

ธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะของเสียวหมี่มีรายรับประจำไตรมาสเป็นบวกจากการดำเนินงานเป็นครั้งแรก โดยมียอดส่งมอบรายไตรมาสทะลุ 100,000 คัน

กลุ่มผลิตภัณฑ์รถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ, AI และโครงการริเริ่มใหม่อื่นๆ ของเสียวหมี่ยังคงเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีรายรับอยู่ที่ 29.0 พันล้านหยวนในไตรมาสที่สาม โดยกลุ่มธุรกิจนี้มีรายรับจากการดำเนินงานเป็นบวกเป็นครั้งแรกอยู่ที่ 0.7 พันล้านหยวน ซึ่งนับเป็นสัญญาณที่ดีของการพัฒนาที่ยั่งยืนและแข็งแกร่งต่อไปในอนาคต

ในไตรมาสที่สาม ยอดการส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะของเสียวหมี่ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมียอดส่งมอบรถยนต์รายไตรมาสทะลุ 100,000 คัน สูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 108,796 คัน ซึ่งในช่วงสามไตรมาสแรกของปีนี้ยอดการส่งมอบสะสมของรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะของเสียวหมี่นั้นเกิน 260,000 คัน

ทั้งนี้กลุ่มบริษัทยังคงขยายเครือข่ายการขายและบริการอย่างต่อเนื่อง โดย ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 เสียวหมี่ได้เปิดศูนย์การขายรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะไปแล้วกว่า 402 แห่งใน 119 เมืองทั่วจีนแผ่นดินใหญ่

ธุรกิจสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่ยังคงเติบโตอย่างมั่นคง โดยมีส่วนแบ่งการตลาดสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียมในจีนแผ่นดินใหญ่เพิ่มขึ้น 5.6 จุดเปอร์เซ็นต์

ในไตรมาสที่สามธุรกิจสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่ยังคงมีผลประกอบการที่มั่นคง โดยมีรายรับสูงถึง 46.0 พันล้านหยวน การจัดส่งสมาร์ทโฟนทั่วโลกอยู่ที่ 43.3 ล้านเครื่องซึ่งเติบโตจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้าเป็นเวลา 9 ไตรมาสติดต่อกัน

ตามรายงานของ Omdia เสียวหมี่มีส่วนแบ่งการตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลกในด้านการจัดส่งสมาร์ทโฟนทั่วอยู่ที่ 13.6% ในไตรมาสที่สามของปี 2568 และครองอันดับหนึ่งในสามของแบรนด์สมาร์ทโฟนชั้นนำทั่วโลกเป็นไตรมาสที่ 21 ติดต่อกัน สมาร์ทโฟนเสียวหมี่ติดอันดับหนึ่งในสามใน 57 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก ในจีนแผ่นดินใหญ่เสียวหมี่ครองอันดับ 2 ในด้านยอดขายสมาร์ทโฟน ด้วยส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 16.7% ซึ่งสามารถครองอันดับหนึ่งในสองเป็นเวลา 6 ไตรมาสติดต่อกัน

กลยุทธ์สินค้าและบริการในกลุ่มพรีเมียม (premiumization) ของกลุ่มบริษัทประสบความสำเร็จอย่างก้าวกระโดด ตามข้อมูลของบุคคลที่สาม (third-party data) สมาร์ทโฟนของเสียวหมี่ที่มีราคาขายระหว่าง 4,000-6,000 หยวนในจีนแผ่นดินใหญ่มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 18.9% ซึ่งเพิ่มขึ้น 5.6 จุดเปอร์เซ็นต์จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า

ทั้งนี้ความสามารถในการแข่งขันของเสียวหมี่ในตลาดสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียมนั้นแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะสมาร์ทโฟนเรือธงระดับพรีเมียมอย่าง Xiaomi 17 Series ที่เปิดตัวไปเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาได้ทำผลงานไว้อย่างยอดเยี่ยม

โดยมียอดขายในเดือนแรกเพิ่มขึ้นประมาณ 30% เมื่อเทียบกับ Xiaomi 15 Series จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งสมาร์ทโฟน Xiaomi 17 Pro และ Xiaomi 17 Pro Max นั้นสามารถทำยอดขายได้กว่า 80% ของยอดขายทั้งหมดซึ่งช่วยปรับปรุงโครงสร้างของผลิตภัณฑ์ให้ดีมากยิ่งขึ้น

จำนวนอุปกรณ์ IoT ที่เชื่อมต่อบนแพลตฟอร์ม AIoT ของเสียวหมี่มียอดเกิน 1 พันล้านเครื่อง และโรงงานเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะภายในบ้านแห่งแรกได้เริ่มดำเนินการอย่างเป็นทางการ

กลุ่มผลิตภัณฑ์ IoT และไลฟ์สไตล์ของกลุ่มบริษัทยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายรับอยู่ที่ 27.6 พันล้านหยวนในไตรมาสที่สาม เพิ่มขึ้น 5.6% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 3.2 จุดเปอร์เซ็นต์จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้าเป็น 23.9% 

ในเดือนตุลาคมของปีนี้ เสียวหมี่ได้เริ่มดำเนินการโรงงานเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะภายในบ้านแห่งแรกอย่างเป็นทางการ ซึ่งนับเป็นการก่อตั้งห่วงโซ่อุตสาหกรรมที่ครบวงจรของกลุ่มบริษัทที่ครอบคลุมทั้งการออกแบบ การวิจัยและพัฒนา การผลิต และการตรวจสอบสำหรับธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านขนาดใหญ่ โรงงานแห่งนี้มีกำลังการผลิตสูงสุดที่ถูกออกแบบไว้สำหรับการผลิตเครื่องปรับอากาศได้ 7 ล้านเครื่องต่อปีและยังสามารถรองรับธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านระดับพรีเมียมของกลุ่มบริษัทได้อย่างเต็มที่อีกด้วย

ในช่วงเวลาดังกล่าว เสียวหมี่ยังคงพัฒนาผลิตภัณฑ์แท็บเล็ตอย่างต่อเนื่อง ตามรายงานของ Omdia แท็บเล็ตของเสียวหมี่ติดอันดับหนึ่งในห้าของยอดจัดส่งทั่วโลก และติดอันดับหนึ่งในสามของยอดจัดส่งในจีนแผ่นดินใหญ่

อุปกรณ์สวมใส่แบบแบนด์ของเสียวหมี่ยังคงสามารถรักษาตำแหน่งผู้นำเอาไว้ได้ โดยมียอดจัดส่งเป็นอันดับ 1 ของโลก และอันดับ 2 ในจีนแผ่นดินใหญ่ ส่วนยอดจัดส่งหูฟัง TWS อยู่ในอันดับที่ 2 ของโลกและอันดับที่ 1 ในจีนแผ่นดินใหญ่

ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 จำนวนอุปกรณ์ IoT ที่เชื่อมต่อ (ไม่รวมสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และแล็ปท็อป) บนแพลตฟอร์ม AIoT ของเสียวหมี่เพิ่มขึ้นเป็น 1,035.5 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 20.2% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า

โดยจำนวนผู้ใช้ที่มีอุปกรณ์ 5 เครื่องขึ้นไปที่เชื่อมต่อกับแพลตฟอร์ม AIoT ของเสียวหมี่ (ไม่รวมสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และแล็ปท็อป) นั้นแตะ 21.6 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้นเป็น 26.1% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า ในเดือนกันยายน 2568 ยอดผู้ใช้บริการรายเดือน (MAU) ของแอป Xiaomi Home เพิ่มขึ้นเป็น 114.6 ล้าน เพิ่มขึ้น 14.4% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า

รายรับจากบริการอินเทอร์เน็ตพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยมียอดผู้ใช้บริการรายเดือน (MAU) ทั่วโลกเกิน 740 ล้านคน

กลุ่มบริการทางอินเทอร์เน็ตยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายรับอยู่ที่ 9.4 พันล้านหยวนในไตรมาสที่สาม เพิ่มขึ้น 10.8% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า อัตรากำไรขั้นต้นของกลุ่มธุรกิจยังอยู่ในระดับสูงที่ 76.9% และรายรับจากบริการอินเทอร์เน็ตในต่างประเทศของเสียวหมี่อยู่ที่ 3.3 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 19.1% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า

นอกจากนี้ฐานผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จำนวนผู้ใช้บริการรายเดือน (MAU) ทั่วโลกและในจีนแผ่นดินใหญ่ได้สร้างสถิติใหม่ โดยในเดือนกันยายน 2568 จำนวนผู้ใช้บริการรายเดือน (MAU) ทั่วโลกแตะ 741.7 ล้านราย เพิ่มขึ้น 8.2% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า ในขณะที่ยอดผู้ใช้บริการรายเดือน (MAU) ในจีนแผ่นดินใหญ่อยู่ที่ 187.3 ล้านราย เพิ่มขึ้น 11.6% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า

มุ่งมั่นในการลงทุนในเทคโนโลยีหลักพื้นฐานด้วยการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนารายไตรมาสที่สูงสุดเท่าที่เคยมีมาที่ 9.1 พันล้านหยวน

เสียวหมี่ยังคงเพิ่มการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาในเทคโนโลยีหลักพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง โดยค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาในไตรมาสที่สามอยู่ที่ 9.1 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 52.1% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้าซึ่งสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา ค่าใช้จ่ายรวมในด้านการวิจัยและพัฒนาในสามไตรมาสแรกอยู่ที่ 23.5 พันล้านหยวน

และกลุ่มบริษัทคาดการณ์ว่าการลงทุนรวมด้านการวิจัยและพัฒนาในปี 2568 จะสูงกว่า 30.0 พันล้านหยวน ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 บุคลากรด้านงานวิจัยและพัฒนาของเสียวหมี่นั้นมีจำนวนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 24,871 คน

เสียวหมี่ประสบความสำเร็จในการสร้างความก้าวหน้าอย่างยิ่งยวดในด้านโมเดลขนาดใหญ่ของ AI ในเดือนกันยายนบริษัทได้เปิดตัว Xiaomi-MiMo-Audio ซึ่งเป็นโมเดลเสียงขนาดใหญ่แบบโอเพนซอร์ส ซึ่งได้สร้างระบบนิเวศเชิงกลยุทธ์แบบองค์รวมที่ครอบคลุมรูปแบบหลักของโมเดลพื้นฐาน

และในเดือนพฤศจิกายนเสียวหมี่ได้เปิดตัวโซลูชันบ้านอัจฉริยะแห่งอนาคต Xiaomi Miloco ซึ่งถือเป็นความพยายามครั้งแรกของอุตสาหกรรมในการสำรวจการใช้ชีวิตในบ้านอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีโมเดลขนาดใหญ่ และพลิกโฉมประสบการณ์การปฏิสัมพันธ์กับบ้านอัจฉริยะ

ในขณะเดียวกัน เสียวหมี่ยังได้เปิดตัวระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ Xiaomi HyperOS 3 อย่างเป็นทางการ ซึ่งจะช่วยยกระดับประสบการณ์พื้นฐาน ฟังก์ชันการทำงาน และความสามารถของ AI อย่างครอบคลุม ระบบปฏิบัติการใหม่นี้มอบการสนับสนุนทางเทคโนโลยีที่ดีขึ้นสำหรับสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียม รถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ และผลิตภัณฑ์ระบบนิเวศของบริษัท

การเปิดตัวโรงงานเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะภายในบ้าน ถือเป็นการเติมเต็มความสำเร็จด้านการผลิตอัจฉริยะของเสียวหมี่โดยเสริมสร้างขีดความสามารถในการผลิตสมาร์ทโฟน รถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ และเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะภายในบ้าน พร้อมทั้งยังตอกย้ำถึงความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนี้อีกด้วย