คลังเก็บ

รีวิว realme 11 5G และ realme 11x 5G สมาร์ตโฟนขุมพลัง Dimensity 6100+ 5G พร้อมจอลื่นไหล 120Hz และแบตอึด 5,000mAh

ไฮไลท์ฟีเจอร์เด่นบน realme 11 5G I 11x 5G

ชิปประมวลผลที่รองรับ 5G เร็ว แรง และประหยัดพลังงาน

realme เป็นแบรนด์แรกที่ได้ใช้ Dimensity 6100+ 5G พร้อมเทคโนโลยีการผลิต 6 นาโนเมตร โดยนำมาใช้กับ realme 11 5G และ realme 11x 5G ให้ประสิทธิภาพที่เร็วแรงกว่า ใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าเดิม โดยมีความหนาแน่นของทรานซิสเตอร์ที่สูงขึ้น 211% และการใช้พลังงานที่ลดลง 22%

ให้ความเร็ว 5G ที่รวดเร็ว พร้อมโหมด Dual SA ช่วยให้คุณใช้งาน 5G ซิมสองซิมพร้อมกันได้ พร้อมความเร็วในการดาวน์โหลด 3.27Gbps ให้คุณดาวน์โหลดภาพยนตร์ 1080p เต็มรูปแบบได้ในไม่กี่วินาที และ Smart 5G ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน 30% เพื่อประสิทธิภาพที่ยาวนานขึ้น

และ 5G Low Power Smart Hotspot ช่วยให้คุณสามารถแชร์การเชื่อมต่อ 5G ได้โดยไม่ต้องกังวลว่าแบตจะหมด ด้วยการปรับการใช้พลังงานของฮอตสปอตแบบไดนามิกตามสถานการณ์การใช้งานของคุณแบบเรียลไทม์ ทำให้ใช้พลังงานลดลง 32% เมื่อเทียบกับเครือข่าย 2.4GHz

realme 11 5G

realme 11x 5G

นอกจากนี้ realme 11 5G และ realme 11x 5G ยังรองรับ Dynamic RAM สูงสุด 16GB รับประกันการใช้งานทุกวันได้อย่างราบรื่น โดยเฉพาะในการใช้งานหลายแอปและการสลับระหว่างแอปที่เปิดอยู่ รวมถึงความล่าช้าน้อยลง และสามารถเพิ่มการ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD Card สูงสุด 2TB ไม่เพียงแต่สำหรับเก็บรูปภาพ เพลง เกม และภาพยนตร์ที่คุณชื่นชอบทั้งหมดเท่านั้น แต่ยังเพื่อหลีกเลี่ยงการใช้หน่วยความจำและ RAM อย่างไม่มีประสิทธิภาพอีกด้วย

realme 11 5G และ realme 11x 5G รองรับอัตราการรีเฟรชเรทแบบไดนามิสูงสุด 120Hz และรองรับอัตราการสุ่มตัวอย่างแบบสัมผัส 240Hz มอบประสบการณ์ที่ลื่นไหล ไม่มีกระตุก สามารถเลือกอัตรารีเฟรชหน้าจอใน 6 ระดับ 120Hz/90Hz/60Hz/50Hz/48Hz/45Hz โดยระบบจะเลือกระยะที่ดีที่สุดให้
เหมาะกับสถานการณ์ที่คุณอยู่อย่างชาญฉลาด

ลื่นไหลไปกับ realme UI 4.0

realme 11 5G และ realme 11x 5G รันบน realme UI 4.0 บนพื้นฐานระบบปฎิบัติการ Android 13 ที่มอบประสบการณ์ UI ที่ราบรื่นเป็นพิเศษ

realme UI 4.0 ยังมาพร้อมการออกแบบที่ทันสมัย และสมจริงมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น “real” icon การออกแบบไอคอนพื้นผิวและรูปร่างที่แท้จริงของสิ่งต่าง ๆ จะทำให้สามารถจดจำเนื้อหาของไอคอนได้อย่างรวดเร็วในโหมดสเกลสีเทา

รวมถึงการใช้ฟอนต์ที่สบายตา ด้วยแบบอักษร Sans ของ realme ที่อัปเกรดใหม่มีเค้าโครงที่ประสานกันมากขึ้นในภาษาจีนและอังกฤษ ขนาดฟอนต์โดยรวมกว้างขึ้นเล็กน้อย และรูปร่างฟอนต์ดูสมบูรณ์ขึ้นและมีเสถียรภาพมากขึ้น เพื่อปรับปรุงการอ่านข้อความของอินเทอร์เฟซได้อย่างมาก

รองรับ 5G+5G Dual Mode

ealme 11 5G และ realme 11x 5G รองรับ 5G +5G Dual Mode ที่เร็วแรงและลื่นไหล พร้อมใช้งาน 5G ในประเทศไทยได้ทันทีตั้งแต่แกะกล่อง โดยรองรับคลื่นความถี่  n1/n3/n5/n8/n28A/n40/n41/n77/n78

แบตใหญ่ ชาร์จไว

realme 11 5G มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 5,000mAh ใช้งานได้ตลอดทั้งวัน เปิดเครื่องสแตนด์บายได้นาน 590.3 ชม., โทร 39.4 ชม., YouTube 18.7 ชม., เล่นเพลง 44.6 ชม., การนำทาง 20.9 ชม., เล่นเกม MLBB 9.9 ชม. และเล่นเกม Free Fire: 8.7 ชม

โดยรองรับระบบชาร์จเร็ว 67W SuperVOOC ที่ดีเป็น 2 เท่าและดีที่สุดในเซกเมนต์นี้ ด้วยโซลูชันปั๊มชาร์จคู่ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ 2:1 ประสิทธิภาพการแปลงระหว่างปั๊มชาร์จทั้งสองจะสูงถึง 98% สามารถชาร์จ 1-50% ภายใน 17 นาทีและ 1-100% ภายใน 47 นาที

พร้อมอัลกอริทึ่มการปรับแต่งอัญชาญฉลาด VCVT สามารถปรับแรงดันและกระแสได้อย่างชาญฉลาดและแม่นยำถึง 500mA รับประกันประสิทธิภาพการชาร์จและลดการสูญเสีย และการป้องกัน 38 ระดับ เพิ่มมาตรการความปลอดภัย 38 ประการ เพื่อรับประกันความปลอดภัยในการชาร์จพลังงานสูง ตั้งแต่เครื่องชาร์จสายดาต้า อินเทอร์เฟซการชาร์จโทรศัพท์ วงจรการชาร์จ ไปจนถึงแบตเตอรี่

ส่วน realme 11x 5G มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 5,000mAh เพื่อการใช้งานตลอดทั้งวัน ให้คุณฟังเพลงได้นานกว่า 35 ชั่วโมง, โทร 34 ชั่วโมง, นำทาง 16 ชั่วโมง และวิดีโอ 15 ชั่วโมง รองรับการชาร์จเร็ว 33W SuperVOOC หนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุดในเซกเมนต์สามารถชาร์จจาก 1-50% ในเวลาเพียง 29 นาที

นอกจากนี้ยังมีกลไกความปลอดภัยในการชาร์จที่ล้ำหน้าที่สุดในกลุ่ม ด้วยการป้องกันความปลอดภัย 38 ชั้น นำความปลอดภัยมาสู่ประสบการณ์การชาร์จทุกด้าน ตั้งแต่เทคโนโลยีชาร์จเร็วไปจนถึงเครื่องชาร์จ สายเคเบิลข้อมูล อินเทอร์เฟซการชาร์จโทรศัพท์ วงจรการชาร์จ และแบตเตอรี่

คุณสมบัติการใช้งาน

realme 11 5G มาพร้อม Dark Mode หรือโหมดกลางคืน สำหรับปรับสีของหน้า UI ให้อยู่ในโทนสีดำ เพื่อช่วยให้ใช้งานได้อย่างสบายตามากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการอ่านหนังสือ และยังทำให้เครื่องใช้พลังงานน้อยลงช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ด้วย โดยเปิดอัตโนมัติในเวลากลางคืน

สามารถเลือกปรับได้ 3 สไตล์ คือ Enhanced (ดำสนิท), Medium (เทาเข้ม) และ Gentle (เทา) ซึ่งแต่ละรูปแบบก็จะมีคอนทราสต์ที่แตกต่างกันไป สามารถตั้งค่าเป็น Auto ให้ตัวเครื่องทำการวัดแสงโดยรอบจากเซ็นเซอร์ ambient แล้วประมวลผลเลือกรูปแบบที่เหมาะสมที่สุดตามช่วงเวลานั้น ๆ ให้เอง

พร้อมโหมดสีหน้าจอที่เลือกปรับได้ทั้งเจิดจ้า และเป็นธรรมชาติ รวมถึงมีโหมดถนอมสายตา, ปรับอุณหภูมิสีหน้าจอได้ โดยการเพิ่มอุณหภูมิสีเพื่อลดรังสีแสงสีฟ้า เพื่อป้องกันอาการปวดตา และสามารถตั้งเวลา เปิด-ปิด อัตโนมัติ และเพิ่มคุณภาพสีในวิดีโอได้

realme 11 5G และ realme 11x 5G รองรับการปลดล็อคหน้าจอด้วยใบหน้า Face Unlock เพียงลงทะเบียนด้วยใบหน้า ซึ่งจะใช้ได้เพียงหน้าเดียวเท่านั้น จากนั้นเมื่อหน้าจอติดมองไปยังบนหน้าจอก็สามารถปลดล็อคได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ใบหน้าเพื่อเข้าสู่แอปที่ป้องกันไว้ หรือในพื้นที่ที่ต้องการความปลอดภัยได้

รองรับการปลดล็อคหน้าจอ ล็อคแอป และเก็บข้อมูลส่วนตัวด้วยการสแกนลายนิ้วมือ โดย realme 11 5G และ realme 11xes 5G ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนปุ่มเปิดปิดเครื่องด้านขวาข้างเครื่อง

realme 11 5G และ realme 11x 5G มาพร้อมเทคโนโลยี Real Sound ที่เป็นการพัฒนาร่วมกันระหว่าง realme และ Dirac Research AB สามารถเลือกรูปแบบการฟังได้ 4 แบบตามการใช้งานได้แก่ สมาร์ท, ภาพยนตร์, เกม และเพลง ซึ่งถ้าเลือกเพลงสามารถปรับตั้งค่า EQ ได้ โดยเทคโนโลยีจะรองรับเฉพาะการเชื่อมต่อผ่านหูฟังเท่านั้น

ประสิทธิภาพ

ทดสอบการเล่นเกม

realme 11 5G และ realme 11x 5G ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ท MediaTek Dimensity 6100+ 5G (6 nm) โดยเป็นชิปแบบ 8 คอร์ที่ประกอบไปด้วย Cortex-A76 จำนวน 2 คอร์ ความเร็ว 2.2GHz และ Cortex-A55 จำนวน 6 คอร์ ความเร็ว 2.0GHz มาพร้อมหน่วยประมวลผลกราฟิก ARM G57 MC2 จับคู่กับ RAM 8GB และหน่วยความจำภายในสูงสุด 256GB และด้วย Antenna Array Matrix 2.0 ช่วยลดความล่าช้าของเครือข่ายเกมได้สูงสุดถึง 20% โดยการปรับการเชื่อมต่อให้เหมาะสม

เท่าที่ได้ลองทดสอบโดยใช้งานปกติทั่วไปปรากฏว่า realme 11 5G และ realme 11x 5G ทั้ง 2 รุ่นใช้งานได้อย่างไหลลื่นไม่มีสะดุด และตอบสนองการใช้งานได้เป็นอย่างดี

ส่วนการเล่นเกมได้ลองกับเกม ROV เกมแนว MOBA สุดฮิตของบ้านเรา ตั้งค่า FPS ระดับสูง ด้วยขุมพลัง Dimensity 6100+ ที่มาพร้อมเทคโนโลยีเกม MediaTek HyperEngine 3.0 lite ช่วยให้พร้อมสำหรับเล่นเกม รวมถึงการพัฒนาด้านเครือข่ายของ HyperEngine ทำให้การตอบสนองของเครือข่ายเร็วขึ้น และการเชื่อมต่อเสถียรมากขึ้น ไม่มีอาการหน่วง หรือกระตุก

ต่อด้วยเกม PUBG Mobile เกมแบทเทิลรอยัล โดยปรับตั้งค่ากราฟิกที่ระดับ “HDR” ส่วนเฟรมเรทตั้งไว้ที่ระดับสูง ด้วยชิปเซ็ท Dimensity 6100+ บวกกับ RAM 8GB และจอรีเฟรชเรท 120Hz ทำให้สามารถเล่นได้ไม่หน่วง และไหลลื่น แทบไม่พบอาการแลคให้หงุดหงิดใจเลย

realme 11 5G และ realme 11x 5G ยังมาพร้อมฟีเจอร์ HyperBoost ซึ่งเป็นโหมดเพิ่มประสิทธิภาพ โดยใช้ประสิทธิภาพจากโทรศัพท์สูงสุดเพื่อการเล่นเกมที่ลื่นไหลยิ่งขึ้น รวมทั้งมีเครื่องมือสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ เพื่อให้สามารถเอาชนะคู่แข่ง และไต่ลำดับให้สูงขึ้นได้ สามารถบันทึกภาพหน้าจอ และข้อมูลสถิติในเกมเพื่อตรวจสอบภายหลัง และออกแบบ UI ใหม่ทำให้การจัดการพลังงานง่ายกว่าที่เคย

อ่านต่อหน้า 3