เปิดตัวในบ้านเราเป็นที่เรียบร้อยสำหรับ OPPO Find X9 Series สมาร์ตโฟนแฟลกชิปรุ่นใหม่ล่าสุด ที่มาพร้อมนิยาม “ซูมดีทุกคอนเสิร์ต” ครบเครื่องทั้งภาพนิ่งและวิดีโอระดับโปรในเครื่องเดียว ด้วยเทคโนโลยีกล้อง Hasselblad Telephoto ความละเอียดสูงสุด 200MP พร้อมพลังซูมไกล 120x Super Zoom และโหมด Stage Mode เก็บครบทุกอารมณ์และจังหวะของศิลปินด้วยวิดีโอคมชัดระดับ 4K 120fps
สวยงามใช้งานลื่นไหลและชาญฉลาดยิ่งขึ้นด้วยระบบปฏิบัติการใหม่ ColoOS 16 มาพร้อม AI Mind Space ผู้ช่วย AI อัจฉริยะส่วนตัว บนดีไซน์ใหม่สะท้อนความพรีเมียมทุกองศา ขอบหน้าจอบางเฉียบ จับถนัดมือ ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 9500 พร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 7500mAh รองรับชาร์จเร็ว 80W และทนทานด้วยกันนํ้ากันฝุ่นระดับ IP68 & IP69
โดยประกอบด้วย OPPO Find X9 และ OPPO Find X9 Pro ซึ่งรุ่นที่ทาง MobileOcta ได้มารีวิวคือ OPPO Find X9 Pro เพื่อไม่ให้เสียเวลาเราไปติดตามรีวิวสมาร์ตโฟนแฟลกชิปรุ่นนี้กันเลยครับ

สเปค OPPO Find X9 Pro
| ขนาด | 161.26×76.46×8.25 มม. | |
| น้ำหนัก | 224 กรัม | |
| หน้าจอ | LTPO AMOLED 1 พันล้านสี ความละเอียด FHD+ 1272 x 2772 พิกเซล (450 PPI) ขนาด 6.78 นิ้ว ในอัตราส่วน 19.5:9 โดยมีสัดส่วนระหว่างหน้าจอกับตัวเครื่องที่ 95.5%, ความสว่างสูงสุด 3600 nits, อัตรารีเฟรชเรทสูงสุด 120Hz, อัตราการสุ่มตัวอย่างแบบสัมผัสสูงสุด 240Hz, อัตราการหรี่แสง 2160Hz PWM Dimming, รองรับช่วงสี 100% DCI-P3, ผ่านการรับรอง Dolby Vision I HDR10+ I HDR Vivid และครอบทับด้วยกระจกกันรอย Corning Gorilla Glass Victus 2 | |
| หน่วยประมวลผล | ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 4.21GHz โดยใช้ชิปเซ็ท Mediatek Dimensity 9500 (3 nm) และหน่วยประมวลผลกราฟิก Arm@Mali Drage MC12 | |
| RAM | 16GB แบบ LPDDR5X | |
| หน่วยความจำภายในเครื่อง | 512GB แบบ UFS 4.1 | |
| microSD Card | ไม่รองรับ | |
| ระบบปฏิบัติการ | Android 16 ครอบทับด้วย ColorOS 16 | |
| เชื่อมต่อ | Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6/7, dual-band or tri-band, Wi-Fi Direct Bluetooth 6.0, A2DP, LE, aptX HD, LHDC 5 GPS (L1+L5), BDS (B1I+B1c+B2a+B2b), GALILEO (E1+E5a+E5b), QZSS (L1+L5), GLONASS, NavIC (L5) Infrared Port NFC พอร์ต USB Type-C 3.2, OTG | |
| กล้องถ่ายภาพ | กล้องหลัง 3 ตัว AI Triple Camera ที่พัฒนาร่วมกับ Hasselblad พร้อมไฟแฟลช LED ประกอบด้วย – กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล เซนเซอร์ LYT-828, ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.28”, รูรับแสง f/1.5, 23mm (wide), FOV 84°, เลนส์ 7P, รองรับระบบ AF และระบบกันสั่น OIS – กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล เซนเซอร์ ISOCELL JN5, ขนาดเซ็นเซอร์ 1/2.75’’, รูรับแสง f/2.0, 15mm, FOV 120°, เลนส์ 7P, รองรับระบบ AF และระบบกันสั่น OIS – กล้องตัวที่ 3 เลนส์ Telephoto ความละเอียด 200 ล้านพิกเซล เซนเซอร์ ISOCELL HP5, ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.56”, รูรับแสง f/2.1, 70mm, FOV 34°, เลนส์ 6P, รองรับระบบ AF และระบบกันสั่น OIS และมี True Color Camera เซนเซอร์เสริมที่ช่วยวัดค่าสีให้แม่นยำยิ่งขึ้น รูรับแสง f/2.4, 21mm, 9-channel และ Multispectral โหมดถ่ายภาพ : ถ่ายภาพ, วิดีโอ, พอร์ตเทรต, กลางคืน, พาโนรามา, โปรวิดีโอ, SLO-MO, Long Exposure, วิดีโอกล้องคู่, ไทม์แลปส์, สติกเกอร์, XPAN, Hasselblad Hi-Res, Google Lens, ถ่ายภาพใต้น้ำ, Master, Text Scanner, Doc Scanner กล้องหน้าความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0, 21mm (wide), FOV 90°, เลนส์ 5P และรองรับระบบ AF โหมดถ่ายภาพ : ถ่ายภาพ, วิดีโอ, พอร์ตเทรต, กลางคืน, พาโนรามา, โปรวิดีโอ, วิดีโอกล้องคู่, ไทม์แลปส์, สติกเกอร์, Hasselblad Hi-Res | |
| รองรับระบบ | รองรับ 2 SIM แบบ Nano-SIM card, Nano-USIM card + eSIM GSM: 850/900/1800/1900MHz WCDMA: Band 1/2/4/5/6/8/19 LTE FDD: Band 1/2/3/4/5/7/8/12/13/17/18/19/20/25/26/28/32/66/71 LTE TDD: Band 38/39/40/41/42/48 5G NR: n1/n2/n3/n5/n7/n8/n12/n20/n25/n26/ n28/n38/n40/n41/n48/n66/n71/n75/n76/n77/n78/n79 | |
| แบตเตอรี่ | 7500mAh (3rd-Gen OPPO Silicon-Carbon) รองรับการชาร์จไว 80W SUPERVOOC รองรับชาร์จเร็วแบบไร้สาย 50W AIRVOOC และ 10W Reverse Wireless Charging | |
| สี | สีขาว Silk White และสีเทา Titanium Charcoal | |
| ราคา | 42,999 บาท |
บรรจุภัณฑ์ / อุปกรณ์ภายในกล่อง

กล่องบรรจุภัณฑ์ของ OPPO Find X9 Pro มาในกล่องกระดาษสีเทา ด้านหน้ากล่องระบุชื่อรุ่น Find X9 Pro อย่างชัดเจน เหนือขึ้นไปติดโลโก้ OPPO AI Phone ตอกย้ำความสามารถด้าน AI ที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่รุ่นก่อนที่เปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว ถัดลงมาด้านล่างมีตัวเลข 9 ขนาดใหญ่ วางอยู่บนโลโก้ OPPO คู่โลโก้ Hasselblad

ด้านหลังกล่องระบุหมายเลขรุ่น/สี, เลขอีมี่, ขนาดหน่วยความจำ, เลข S/N, วันที่ผลิต และสถานที่ผลิต และนำเข้า


ด้านซ้ายข้างเครื่องระบุชื่อรุ่น และด้านขวามีโลโก้ Hasselblad
อุปกรณ์ภายในกล่องประกอบไปด้วย




- ตัวเครื่อง OPPO Find X9 Pro
- อะแดปเตอร์ชาร์จไว 80W SUPERVOOC
- สาย USB Type-C
- อุปกรณ์ถอดซิม
- เคสซิลิโคนสีขาวทึบ สำหรับตัวเครื่อง Silk White
- คู่มือความปลอดภัย
- คู่มือการใช้งานเบื้องต้น

อะแดปเตอร์ชาร์จไว 80W SUPERVOOC
รูปลักษณ์ดีไซน์

OPPO Find X9 Pro มีดีไซน์สมมาตรเหนือระดับ บางเบา พอดีในทุกสัมผัส ด้วยขอบจอบางเฉียบ 1.15 มม. เท่ากันทุกด้าน และโครงสร้างภายในแบบซ้อนชั้นขั้นสูง กล้องหลายตัวถูกจัดวางอย่างชาญฉลาดให้กะทัดรัดและสมดุลยิ่งขึ้น

ตัวเครื่องบางเพียง 8.25 มม. และน้ำหนักเพียง 224 กรัม ให้สัมผัสเบาแต่มั่นคง พร้อมฝาหลัง Unibody Glass ที่ขึ้นรูปจากกระจกชิ้นเดียว เชื่อมต่อเลนส์และตัวเครื่องอย่างไร้รอยต่อ ดีไซน์พอร์ตแบบมินิมอลซ่อนช่องไมค์และลำโพงไว้อย่างแนบเนียน มอบทั้งความงาม ความสมดุล และความรู้สึก “พอดี” ที่ลงตัวในทุกมุมมอง

โดยมี 2 สีให้เลือกคือ สีขาว Silk White เป็นสีขาวนวลบริสุทธิ์ที่มีประกายมุกเล็กน้อย เหมือนกับแสงสะท้อนของผ้าไหมแท้ ๆ ดูเรียบง่ายแต่ก็สง่างาม จึงเข้ากับดีไซน์สุดพรีเมียมของรุ่น OPPO Find X9 Pro ได้อย่างลงตัว

และสีเทา Titanium Charcoal โทนสีเข้มที่ดูสุขุม และมีพื้นผิวเรียบเนียนแบบด้านที่ไม่สะท้อนถูกออกแบบมาเพื่อเน้นย้ำความสามารถในการถ่ายภาพระดับมืออาชีพของรุ่น OPPO Find X9 Pro สีที่ดูเรียบง่ายนี้สื่อถึงความทนทานและความสง่างามแบบสมัยใหม่ ในรูปลักษณ์ที่ดูเพรียวบางและผิวสัมผัสแบบด้าน

ด้านหน้ามาพร้อมกับจอแสดงผลแบนราบขนาด 6.78 นิ้วรุ่นใหม่ล่าสุด ซึ่งมีขอบจอที่บางเฉียบเป็นพิเศษ เพียง 1.15 มม.ทั้งสี่ด้าน ซึ่งเป็นขอบจอที่บางที่สุดเท่าที่เคยมีมาในสมาร์ตโฟน OPPO โดยดีไซน์สมมาตรนี้สร้างประสบการณ์การรับชมที่ไร้รอยต่ออย่างแท้จริง ซึ่งจะลดสิ่งรบกวนทางสายตา และช่วยให้จดจ่ออยู่กับเนื้อหา ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกม การดูวิดีโอ หรือการท่องเว็บ หน้าจอจะให้ความรู้สึกเหมือนไร้ขีดจำกัดอย่างแท้จริง

ภายใน Punch Hole ตรงกลางด้านบนติดตั้งกล้องหน้าความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสง f/2.0

พลิกมาด้านหลังเครื่อง โดยดีไซน์กล้องหลังของ OPPO Find X9 Pro เปลี่ยนจากกรอบวงกลมมาใช้กรอบสี่เหลี่ยมที่มีมุมโค้งมน และทำมุมโค้งพอดีกับขอบมุมตัวเครื่อง เพื่อให้มีความสมมาตร ภายในประกอบด้วยกล้องหลัง 3 ตัว รวมถึง True Color Camera และโลโก้ H (Hasselblad) ส่วนแฟลช LED วางอยู่นอกกรอบ

ซึ่งโมดูลกล้องด้านหลังได้รับการวางตำแหน่งอย่างมีกลยุทธ์ที่มุมซ้ายบนของอุปกรณ์ โดยจัดให้ตรงกับกรอบอย่างสมบูรณ์แบบ สร้างความกลมกลืนทางเรขาคณิตที่เป็นธรรมชาติ วิศวกรรมที่ใส่ใจนี้ยังส่งผลโดยตรงต่อหลักสรีรศาสตร์ที่เหนือชั้นอีกด้วย นิ้วชี้ของคุณจะหลีกเลี่ยงเลนส์โดยธรรมชาติเมื่อถือโทรศัพท์ในแนวตั้ง และการจับของคุณจะยังคงชัดเจนและไม่มีสิ่งกีดขวางสาหรับการเล่นเกมหรือสื่อในแนวนอน

โดยมุมซ้ายด้านบนติดตั้งกล้องหลัง 3 ตัว AI Triple Camera ที่พัฒนาร่วมกับ Hasselblad พร้อมไฟแฟลช LED ประกอบด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ LYT-828, ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.28”, รูรับแสง f/1.5, 23mm (wide), FOV 84°, เลนส์ 7P, รองรับระบบ AF และระบบกันสั่น OIS
- กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ ISOCELL JN5, ขนาดเซ็นเซอร์ 1/2.75’’, รูรับแสง f/2.0, 15mm, FOV 120°, เลนส์ 7P, รองรับระบบ AF และระบบกันสั่น OIS
- กล้องตัวที่ 3 เลนส์ Telephoto ความละเอียด 200 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ ISOCELL HP5, ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.56”, รูรับแสง f/2.1, 70mm, FOV 34°, เลนส์ 6P, รองรับระบบ AF และระบบกันสั่น OIS
และมี True Color Camera เซ็นเซอร์เสริมที่ช่วยวัดค่าสีให้แม่นยำยิ่งขึ้น รูรับแสง f/2.4, 21mm, 9-channel และ Multispectral

ด้านซ้ายข้างเครื่องมาพร้อมปุ่มใหม่ Snap Key ใช้เป็นปุ่มลัดเปิดฟังก์ชันต่าง ๆ ที่ตั้งค่าไว้ล่วงหน้า เช่น สลับโปรไฟล์เสียง, การเปิด/ปิดไฟฉาย, การเปิดใช้งานเครื่องบันทึกเสียง, การเรียกใช้การแปล, หรือการจับภาพหน้าจอ โดยค่าเริ่มต้น จะเชื่อมโยงกับฟีเจอร์ AI Mind Space ใน ColorOS 16 โดยกดแตะเพื่อจับภาพหน้าจอ กดค้างเพื่อเพิ่มบันทึกเสียง และกดสองครั้งเพื่อเปิด Mind Space โดยตรง

ด้านขวาข้างเครื่องมีปุ่มปรับเพิ่มลดระดับเสียง กับปุ่ม Power สำหรับเปิดปิดเครื่อง และยังมีปุ่ม Quick Button มาให้เหมือนเดิม สามารถแตะปุ่ม Quick Button สองครั้งเพื่อเปิดกล้อง แตะครั้งเดียวเพื่อถ่ายภาพ หรือแตะค้างไว้เพื่อถ่ายภาพต่อเนื่อง
นอกจากนี้ เมื่อถือใช้งานในแนวนอน ยังสามารถปัดบนปุ่ม Quick Button เพื่อซูมเข้าหรือซูมออกได้อีกด้วย โดยปุ่ม Quick Button ได้รับการปรับปรุงให้มีความแม่นยำมากขึ้น สามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวแม้ปัดนิ้วเพียง 0.3 มิลลิเมตร

ด้านบนมีช่องไมโครโฟนตัวที่ 2 สำหรับตัดเสียงรบกวนระหว่างบันทึกเสียง บันทึกวิดีโอ รวมถึงระหว่างใช้งานฟังก์ชันการโทร

ด้านท้ายเครื่องมีช่องใส่ซิมการ์ด, ช่องไมโครโฟนสนทนา, พอร์ต USB Type-C และช่องลำโพงเสียง

สำหรับช่องใส่ซิมการ์ดเป็นแบบ Dual Slot ที่มีช่องใส่ซิม 2 ช่อง และรองรับ Nano-SIM card
หน้าจอ
คุณภาพจอแสดงผลชั้นนำของอุตสาหกรรม

OPPO Find X9 Pro มาพร้อมจอแสดงผลคุณภาพสูงระดับชั้นนำของอุตสาหกรรม ให้ความคมชัดด้วยจอภาพแบบ AMOLED ความลึกสี 10-bit หรือ 1.07 พันล้านสี ครอบคลุมขอบเขตสี 100% DCI-P3 ความละเอียด 2772 x 1272 พิกเซล ขนาด 6.78 นิ้ว ความหนาแน่นของพิกเซล 450 PPI (พิกเซลต่อนิ้ว) อัตราส่วนภาพ 20:9 ให้ความสว่างสูงสุด 3600 nit เมื่อใช้งานกลางแจ้ง หรือ 1800 nit ในโหมด HBM (ความสว่างทั่วไป 800 nit) รองรับอัตราการรีเฟรชแบบปรับได้ 1-120Hz และรองรับ Dolby Vision, HDR10+ และ HDR Vivid

จอแสดงผลของ OPPO Find X9 Pro ยังรองรับการปกป้องดวงตาด้วยเทคโนโลยีปรับลดแสง PWM (Pulse Width Modulation) ที่ความถี่สูง 2160Hz (70 nit หรือต่ำกว่า) และ DC Dimming (ที่ความสว่าง 70 nit ขึ้นไป) รวมถึงผ่านการรับรอง TÜV Rheinland Intelligent Eye Care 5.0 จึงมอบความสบายตาให้กับผู้ใช้งานแม้จ้องหน้าจอในที่แสงน้อย

นอกจากนี้ จอแสดงผลของ OPPO Find X9 Pro ยังรองรับเทคโนโลยี Splash Touch สามารถควบคุมหน้าจอได้อย่างแม่นยำแม้หน้าจอหรือนิ้วมือเปียกน้ำ

พร้อมรองรับฟีเจอร์สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอด้วยเทคโนโลยี 3D Ultrasonic ที่มีความแม่นยำสูง เชื่อถือได้มากขึ้น 33% ทำงานเร็วขึ้น 35% เมื่อเทียบกับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบออปติคัล

OPPO Find X9 Pro ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่เรียกว่า “Vehicle Motion Alerts” หรือการแจ้งเตือนการเคลื่อนไหวของยานพาหนะ ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ออกแบบมาเพื่อช่วยลดอาการเมารถ (Motion Sickness) ในเวลาที่คุณใช้โทรศัพท์มือถือขณะรถกำลังเคลื่อนที่

และตัวเครื่องได้รับการออกแบบมาเพื่อความทนทานสูงสุด โดยให้การป้องกันที่ครอบคลุมด้วยการรับรองมาตรฐานระดับ IP66, IP68 และ IP69 การรับรองมาตรฐาน IP68 รับประกันการป้องกันที่ได้รับการพิสูจน์แล้วจากฝุ่นและการกันน้ำเป็นเวลานาน ระดับ IP69 แสดงถึงการป้องกันจากเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงและอุณหภูมิสูงช่วยให้มั่นใจได้ว่าอุปกรณ์จะสามารถทนต่อสภาวะที่รุนแรงยิ่งขึ้นได้
กล้อง
ระบบกล้อง Hasselblad Master

จุดเด่นที่น่าสนใจของ OPPO Find X9 Pro คือ ระบบกล้อง Hasselblad Master ระดับมืออาชีพที่พัฒนาขึ้นใหม่ทั้งหมดระบบนี้ประกอบด้วยกล้องหลัก Ultra XDR ใหม่ล่าสุดที่สามารถถ่ายทอดช่วงไดนามิกได้ทัดเทียมกับเซนเซอร์ขนาด 1 นิ้วโดยเฉพาะ
รวมถึงยังมีกล้อง 200MP Hasselblad Telephoto ที่ก้าวข้ามขีดจำกัดซึ่งมอบความคมชัดที่เหนือชั้นสำหรับการถ่ายภาพแบบซูม และกล้อง Ultra Wide เสริมด้วยกล้อง True Color ทำให้ภาพถ่ายมีสีสันคมชัดสมจริงมากยิ่งขึ้น

กล้องเลนส์ Telephoto แบบ Periscope ใช้เซนเซอร์ ISOCELL HP5 ขนาด 1/1.56” รูรับแสง f/2.1 ระยะโฟกัสเทียบเท่า 70 มม. มีระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS รองรับซูมออปติคัลสูงสุด 3 เท่า ซูมแบบไร้การสูญเสีย 13.2 เท่า ซูมดิจิทัลสูงสุด 120 เท่า

![]() | ![]() |
![]() | ![]() |
สามารถถ่ายภาพความละเอียดสูงสุด 200 ล้านพิกเซล ด้วยโหมด Hasselblad Hi-Res อีกทั้งยังใช้ดีไซน์เลนส์แบบ Floating focus ทำให้สามารถถ่ายภาพระยะใกล้สุด 10 เซนติเมตร

กล้องหลัก 50MP Ultra XDR ใช้เซนเซอร์ LYT-828 ขนาด 1/1.28” จาก Sony ชุดเลนส์ 7 ชิ้น รูรับแสง f/1.5 สามารถจับแสงได้มากขึ้น 30% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน ระยะโฟกัสเทียบเท่า 23 มม. และมีระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS
ขณะเดียวกันเซนเซอร์ LYT-828 ยังมาพร้อมระบบถ่ายภาพซ้อนแบบเรียลไทม์ 3 ระดับ ช่วยรักษารายละเอียดในส่วนเงา ไฮไลท์ และโทนกลาง ทำให้ได้ช่วงไดนามิกถึง 17 สต็อป ซึ่งเหนือกว่าเซนเซอร์ขนาด 1 นิ้ว
กล้อง 50MP Ultra Wide ใช้เซนเซอร์ ISOCELL JN5 ขนาด 1/2.75’’ รูรับแสง f/2.0 ระยะโฟกัสเทียบเท่า 15 มม. รองรับระบบออโต้โฟกัส ให้มุมมองภาพ 120 องศา

กล้อง True Color ใช้เซนเซอร์สเปกตรัมหลายช่องสัญญาณ 2 ล้านพิกเซล ช่วยวัดความแปรผันของอุณหภูมิสีในโซนต่างๆ อย่างแม่นยำ โดยเฉพาะการถ่ายภาพในฉากที่มีสภาพแสงท้าทาย เช่น บริเวณที่มีแสงน้อยในเวลากลางคืนและอยู่ภายใต้แสงนีออน ซึ่งกล้อง True Color จะช่วยฟื้นฟูสีสันให้กลับมาสดใสได้อย่างแม่นยำสมจริง

สามารถเลือกถ่ายได้ทั้งโหมดถ่ายภาพปกติ, วิดีโอ, พอร์ตเทรต, กลางคืน, พาโนรามา, โปรวิดีโอ, SLO-MO, Long Exposure, วิดีโอกล้องคู่, ไทม์แลปส์, สติกเกอร์, XPAN, Hasselblad Hi-Res, Google Lens, ถ่ายภาพใต้น้ำ, Master, Text Scanner, Doc Scanner และ Hasselblad Teleconverter (ใช้งานร่วมกับชุดเลนส์เสริม OPPO Hasselblad)
โดยโหมด Master ช่วยยกระดับการถ่ายภาพให้ผู้ใช้งานทั่วไปกลายเป็นช่างภาพมืออาชีพได้ง่ายๆ ด้วยโหมด Auto หรือสลับเป็นโหมด Pro เพื่อปรับการตั้งค่ากล้องอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นความไวแสง ISO, ความเร็วชัตเตอร์, ค่าชดเชยแสง EV, การโฟกัส และ สมดุลสีขาว เมื่อแตะที่ไอคอนรูปสี่เหลี่ยมซ้อนกัน จะเข้าสู่การปรับแต่งเอฟเฟกต์สี มีทั้งการปรับแต่งคอนทราสต์ ความอิ่มตัวของสี, อุณหภูมิสี, โทนสีฟ้า/ม่วง, ความคมชัด และ Vignette (ทำให้ขอบภาพมืดลงหรือสว่างขึ้น) สำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการบันทึกภาพถ่ายในรูปแบบ RAW จะมีไอคอนให้สลับกับรูปแบบไฟล์ JPG ที่แถบเครื่องมือด้านบน

โหมด Hasselblad XPAN ได้รับแรงบันดาลใจมาจากกล้องฟิล์มของ Hasselblad เหมาะสำหรับการถ่ายภาพวิวทิวทัศน์ตามธรรมชาติ ถ่ายภาพแนวสตรีท รวมไปถึงถ่ายภาพพอร์ตเทรตที่ให้อารมณ์เหมือนฉากในภาพยนตร์



ช่วยให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์การถ่ายภาพจากแบรนด์กล้องระดับโลก ด้วยอัตราส่วนภาพ 65:24 รองรับการซูมได้ที่ระยะ 0.6x, 1x, 2x, 3x พร้อมด้วยฟิลเตอร์ B&W, Fresh, Emerald, Clear และ Neon

โหมด Hasselblad Portrait ที่อัปเดตใหม่นี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเลือกระยะโฟกัสได้อย่างอิสระตั้งแต่ 1x (23มม.) ถึง 3.6x (85มม.) โดยไม่จำกัดเฉพาะตัวเลือก ด้วย LUMO Imaging Engine วัตถุจะถูกตัดขอบอย่างแม่นยำแม้กระทั่งเส้นผมแต่ละเส้นพร้อมโบเก้แบบภาพยนตร์ที่เลียนแบบคุณลักษณะของเลนส์ Hasselblad รุ่นคลาสสิก กล้องสีสันคมชัดจะชวยเก็บโทนสีผิวได้อย่างเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้นแม้ในสถานการณ์ที่ท้าทายในการถ่ายภาพพอร์ตเทรตตอนกลางคืนภายใต้แสงนีออนผสม

สำหรับโหมดวิดีโอ รองรับการซูมในช่วง 0.6x, 1x, 2x, 3x, 6x จนสูงสุด 10x สามารถปรับค่า F เพื่อละลายฉากหลังได้ และมีฟีเจอร์ Filters รวมถึง Retouch แบบเดียวกับโหมด Photo แถบเครื่องมือด้านบนมีไอคอนสำหรับปรับค่าชดเชยแสง EV, โหมด HDR (Dolby Vision) และสามารถบันทึกวิดีโอได้สูงสุด 4K ที่ 120 เฟรมต่อวินาที
LUMO Imaging Engine

นอกจากโมดูลกล้องคุณภาพสูง OPPO Find X9 Pro ยังมาพร้อม LUMO Imaging Engine เทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ OPPO ช่วยยกระดับคุณภาพภาพถ่ายด้วยการออกแบบกระบวนการประมวลผลภาพ (Imaging Pipeline) ซึ่งพัฒนาร่วมกับ MediaTek และ Sony โดยถ่ายโอนขั้นตอนการประมวลผลหลักจากเซ็นเซอร์กล้องไปยังชิปประมวลผล ส่งผลให้ OPPO Find X9 Pro สามารถถ่ายวิดีโอได้ยาวนานขึ้น โดยไม่ทำให้ตัวเครื่องร้อนเกินไป และใช้พลังงานลดลงถึง 50%

LUMO Imaging Engine มี 3 องค์ประกอบหลักที่สำคัญ ดังนี้
- AI Denoise และ AI Demosaic ใช้โมเดลที่ผ่านการฝึกอบรมด้วย AI เพื่อกำจัดนอยซ์อย่างชาญฉลาด ส่งผลให้การลดนอยซ์และรายละเอียดของภาพดีขึ้นอย่างมาก
- HyperTone Image Engine รักษาความสมบูรณ์ของภาพโดยแสดงไฮไลท์และเงาด้วยโทนสีธรรมชาติ ช่วยป้องกันไม่ให้ภาพถ่ายดูเหมือนถูกปรับแต่งด้วยซอฟต์แวร์มากเกินไป
- Lightning Snap Engine สามารถจับภาพวัตถุที่กำลังเคลื่อนไหวได้อย่าง โดยถ่ายภาพได้สูงสุด 10 ภาพต่อวินาที พร้อมลดความเบลอจากการเคลื่อนไหวให้น้อยที่สุด

LUMO Imaging Engine ยังมาพร้อมเทคโนโลยี RAW Multi-Frame Fusion ที่รวมหลายเฟรมความละเอียดสูง ช่วยให้ได้รายละเอียดและพื้นผิวที่คมชัดยิ่งขึ้น ขณะที่ Low-Light Denoising ช่วยลดนอยส์ในสภาพแสงน้อยอย่างมีประสิทธิภาพ และ True-to-Life Color ช่วยเก็บสีสันได้อย่างแม่นยำและสมจริงเป็นธรรมชาติ

นอกจากนี้ LUMO Imaging Engine ยังทำให้ OPPO Find X9 Pro เป็นสมาร์ตโฟนรุ่นแรกในโลกที่สามารถถ่ายภาพความละเอียดสูงสุด 50 ล้านพิกเซล โดยอัตโนมัติ (กล้องหลังทั้ง 3 ตัว ถูกกำหนดค่าเริ่มต้นให้ถ่ายภาพ 50 ล้านพิกเซล) มอบความคมชัดระดับ 8K สูงกว่าคู่แข่งที่ใช้เทคโนโลยีรวมพิกเซล (Pixel Binning) ทำให้ภาพถ่าย 50 ล้านพิกเซล จาก OPPO Find X9 Pro มีรายละเอียดคมชัดแม้ถูก Crop
ตัวอย่างภาพจากกล้องหลัง
![]() | ![]() | ![]() |

![]() | ![]() |
![]() | ![]() | ![]() |

![]() | ![]() | ![]() |
![]() | ![]() | ![]() |
![]() | ![]() |

![]() | ![]() |
![]() | ![]() | ![]() |



![]() | ![]() |
กล้องหน้า 50MP Selfie Camera

OPPO Find X9 Pro มาพร้อมกล้องหน้าความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0, 21mm (wide), FOV 90°, เลนส์ 5P และรองรับระบบ AF สามารถเลือกถ่ายได้ทั้งโหมดปกติ, โหมดวิดีโอ, โหมดพอร์ตเทรต, โหมดกลางคืน, โหมดพาโนรามา, โหมดโปรวิดีโอ, โหมดวิดีโอกล้องคู่, โหมดไทม์แลปส์, โหมดสติกเกอร์, โหมด Hasselblad Hi-Res และตั้งค่าอื่น ๆ ที่ด้านบน

รวมทั้งมาพร้อมฟีเจอร์ Soft Light ที่มีให้เลือก 3 แบบ Misty, Glowy และ Dreamy นอกจากนี้ ยังมีฟิลเตอร์ใหม่ ๆ อย่าง Neon, Fresh, Emerald, Clear รวมถึงฟีเจอร์ Retouch ก็ปรับแต่งหน้าได้อย่างละเอียด โดยภาพนิ่งถ่ายได้ที่ความละเอียดสูงสุด 6144 x 9216 พิกเซล

ส่วนวิดีโอบันทึกได้ที่ความละเอียดสูงสุด 4K ที่อัตรา 60 เฟรมต่อวินาที
ตัวอย่างภาพจากกล้องหน้า
![]() | ![]() |

![]() | ![]() | ![]() |
![]() | ![]() |

ชุดเลนส์เสริม OPPO Hasselblad



OPPO Find X9 Pro มาพร้อมชุดเลนส์เสริม OPPO Hasselblad ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับกล้อง Telephoto โดยใช้โครงสร้างเลนส์ Kepler ประกอบด้วยชิ้นเลนส์แก้วทรงกลมทั้งหมด 13 ชิ้น แบ่งเป็น 3 กลุ่ม พร้อมเลนส์แก้วพิเศษ Extra-low Dispersion อีก 3 ชิ้น ช่วยลดความเพี้ยนของแสงและสีได้อย่างมีประสิทธิภาพ คืนความแม่นยำของโทนสีให้สมจริงยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ยังเคลือบผิวเลนส์ด้วย PVD Low-reflection ถึง 9 ชั้น ลดแสงสะท้อนจากแสงย้อนและคงรูรับแสงกว้างของเลนส์ Telephoto ไว้ได้อย่างเต็มที่ ทำให้ได้ภาพที่คมชัด สีสันเที่ยงตรง และมีเอกลักษณ์ในแบบฉบับของ Hasselblad
ประสิทธิภาพ

OPPO Find X9 Pro เป็นหนึ่งในสมาร์ตโฟนรุ่นแรก ๆ ที่ใช้ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 9500 รุ่นล่าสุด ถูกสร้างขึ้นบนกระบวนการ 3 นาโนเมตร ของ TSMC ใช้สถาปัตยกรรมซีพียู All Big Core รุ่นที่ 3 ประกอบด้วย Ultra Core ความเร็ว 4.21GHz, Premium Core (3-core) และ Performance Core (4-core)

มอบประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นสูงสุด 32% และประหยัดพลังงานมากขึ้น 55% ด้านกราฟิกมาพร้อม GPU Arm G1-Ultra มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นสูงสุด 33% และประหยัดพลังงานมากขึ้น 42% ส่วน NPU ให้ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นสูงสุด 111% และประหยัดพลังงานมากขึ้น 56%

นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบระบายความร้อน Vapor Chamber ที่ผสมผสานวัสดุขั้นสูงหลายชนิดเข้าด้วยกัน รวมถึงตาข่ายสแตนเลสสตีลบางพิเศษ 0.025 มิลลิเมตร ครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ 36,344.4 ตารางมิลลิเมตร ใหญ่กว่ารุ่นก่อนถึง 33.7% ทำให้ OPPO Find X9 Pro สามารถถ่ายเทความร้อนได้ดีขึ้น สามารถใช้งานหนัก ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ถ่ายวิดีโอระดับ 4K ได้ยาวนานขึ้น

จากการทดสอบประสิทธิภาพตัวเครื่องด้วยแอป AnTuTu Benchmark ทำคะแนนไปได้มากกว่า 3.2 ล้านคะแนนเลยทีเดียว
OPPO Trinity Engine

Trinity Engine ของ OPPO ได้รับการพัฒนาขึ้นจากความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับ MediaTek ซึ่งช่วยปรับปรุงการจัดการทรัพยากรในระดับชิปเพื่อประสิทธิภาพการทางานที่สูงอย่างต่อเนื่องและประสิทธิภาพพลังงานที่เหนือกว่า โดยใช้ 4 เทคโนโลยีหลักได้แก่

การซิงค์เฟรมไดนามิกส์ระดับชิป (Chip-level Dynamic Frame Sync) การติดตามความต้องการการเรนเดอร์ของระบบแบบเรียลไทม์ และการกระจายพลังการประมวลผลอย่างชาญฉลาด ส่งผลให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นถึง 37% ในสถานการณ์ที่มีความเครียดสูง (High-stress scenarios)

การประมวลผลพลังงานแบบรวม (Integrated Power Modeling) สร้างแบบจำลองการประมวลผลแบบเต็มรูปแบบในระดับระบบสำหรับ CPU, GPU และ DSU เพื่อให้ได้ความแม่นยำมากกว่า 90% ในการคาดการณ์การใช้พลังงาน

ตัวกำหนดตารางการทำงานแบบตั้งโปรแกรมได้ของ OPPO (Programmable Scheduler) ลดความซ้ำซ้อนของคำสั่งได้มากถึง 29.6% ช่วยลดการใช้พลังงานลง 15.65% ในสถานการณ์การเล่นเกมที่ต้องการประสิทธิภาพสูง

เซ็นเซอร์ Offload ใช้ประโยชน์จากชิปเซ็ต Dimensity 9500 เพื่อจัดการงานหนักๆ ที่โดยปกติแล้วถูกจัดการโดยเซ็นเซอร์ภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้ใช้พลังงานน้อยลง 16.1% ในระหว่างการบันทึกวิดีโอ 4K HDR ที่ 60 เฟรมต่อวินาที
แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 7500mAh

OPPO Find X9 Pro ก้าวกระโดดครั้งยิ่งใหญ่ในด้านความจุแบตเตอรี่ด้วยความจุแบตเตอรี่ขนาด 7500mAh ซึ่งเหนือกว่า OPPO Find X8 Pro ที่มีความจุ 5910mAh อย่างเห็นได้ชัด ความจุที่เพิ่มขึ้นอย่างมากนี้มาพร้อมกับความหนาที่เท่าเดิม โดยยังคงความบางเพียง 8.25 มม. ผสานกับชิปเซ็ตที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นและการปรับแต่งซอฟต์แวร์ที่แม่นยำของ OPPO ทำให้ OPPO Find X9 Pro สามารถใช้งานได้ยาวนานเฉลี่ยสองวันต่อการชาร์จเพียงครั้งเดียว

นอกจากนี้ยังสนับสนุนเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 80W SUPERVOOC แถมหัวชาร์จมาให้แล้วในกล่อง และยังรองรับชาร์จเร็วสูงสุด 55W ด้วยอุปกรณ์ PD จากผู้ผลิตรายอื่น นอกจากนี้ ยังรองรับชาร์จเร็วแบบไร้สาย 50W AIRVOOC และ 10W Reverse Wireless Charging
ถึงแม้จะชาร์จเร็วสูงสุด 80W แต่แบตเตอรี่ของ OPPO Find X9 Pro ก็ได้รับการออกแบบมาให้สามารถรักษาความจุในระดับสูง 80% แม้ผ่านการใช้งานไปแล้ว 5 ปี หมายความว่า OPPO Find X9 Pro รองรับการใช้งานในระยะยาวอย่างน้อย 5 ปี ก่อนที่แบตเตอรี่จะเริ่มเสื่อมสภาพ
ColorOS 16


OPPO Find X9 Pro ทำงานบนพื้นฐานระบบปฏิบัติการ Android 16 ครอบทับด้วย ColorOS 16 ซึ่งได้รับการพัฒนาให้ทำงานได้ลื่นไหลและฉลาดยิ่งขึ้น พร้อมด้วยฟีเจอร์ AI มากมาย ที่ช่วยให้การใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวันราบรื่นยิ่งขึ้น และเพิ่มความมั่นใจด้วยระบบรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวที่เข้มงวดกว่าเดิม

ระบบปฏิบัติการ ColorOS 16 มาพร้อม AI Mind Space ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถบันทึกข้อมูลสำคัญได้อย่างรวดเร็วในคลิกเดียว ทุกความทรงจำจะถูกจัดระเบียบอย่างชาญฉลาด เพื่อการใช้งานที่ง่ายและรวดเร็ว โดยระบบจะตรวจจับ วิเคราะห์ และจัดเก็บข้อมูลโดยอัตโนมัติ พร้อมให้ผู้ใช้งานเรียกดูหรือถามคำถามกับ Gemini ได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นบทความ ย่อหน้า รูปภาพ หรือเสียง


ColorOS 16 ยังมาพร้อมชุดเครื่องมือแก้ไขภาพ AI Portrait Glow ช่วยปรับแต่งภาพถ่ายพอร์ตเทรตได้ง่ายในคลิกเดียว โดยใช้เทคโนโลยีการปรับแต่งโทนสีผิวขั้นสูง ไม่ว่าจะถ่ายในสภาวะแสงน้อย แสงย้อน หรือแสงจ้า ก็ให้โทนผิวสวยเป็นธรรมชาติ พร้อมโหมดไฟหลากหลาย เช่น Natural Light, Flash, Studio, Rim Light และ Base Light

นอกจากนี้ ColorOS 16 อีกทั้งยังนำ AI มาช่วยปรับปรังเครื่องมือตัดต่อวิดีโออีกด้วย ตั้งแต่การตัดต่อคลิป การเปลี่ยนความเร็วในการเล่น การเพิ่มเพลง การครอปเฟรม และ การใส่ข้อความหรือฟิลเตอร์ ผู้ใช้ยังสามารถปรับค่าพารามิเตอร์ต่าง ๆ ได้อย่างละเอียด เช่น คอนทราสต์ความสว่าง และ ความอิ่มตัวของสี
บทสรุป

OPPO Find X9 Pro สุดยอดสมาร์ตโฟนสำหรับสายคอนเสิร์ต ที่รวมเอานวัตกรรมการถ่ายภาพและวิดีโอระดับมาสเตอร์ไว้ในเครื่องเดียว โดยมาพร้อมกล้อง Hasselblad Telephoto ให้ซูมดีทุกคอนเสิร์ตด้วยความละเอียดสูงสุด 200MP พร้อมพลังซูมไกลสุด 120x Super Zoom และบันทึกอารมณ์ได้ครบทุกจังหวะอย่างสมบูรณ์แบบด้วยการถ่ายวิดีโอความละเอียด 4K 120fps ที่ทั้งลื่นไหลและสมจริง

รวมทั้งขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง MediaTek Dimensity 9500 Trinity Engine ที่มีความสมดุลระหว่างพลังประมวลผลระดับสูงกับการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายวิดีโอ 4K 120fps หรือการใช้งานหลายแอปฯ พร้อมกัน ก็ทำได้อย่างลื่นไหล พร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่สูงสุดถึง 7500 mAh ที่ให้ใช้งานได้ยาวนานตลอดวัน และมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68 และ IP69 เพื่อความมั่นใจในทุกสถานการณ์

และดีไซน์ที่ผสาน “ความงาม ความสมดุล และความรู้สึกพอดี” ไว้อย่างลงตัวในทุกมุมมอง โดยมาพร้อมขอบหน้าจอบางเฉียบเพียง 1.15 มม. ตัวเครื่องบางเพียง 8.25 มม. และน้ำหนักเพียง 224 กรัม ให้สัมผัสเบาสบายสมดุลในมือ ดีไซน์ Unibody Glass แบบไร้รอยต่อ เชื่อมต่อเลนส์กล้องอย่างกลมกลืน พอร์ตและช่องไมโครโฟนถูกออกแบบในสไตล์มินิมอลเพื่อความเรียบหรูและต่อเนื่องทางสายตาอย่างสมบูรณ์แบบ
โดยรวมแล้ว OPPO Find X9 Pro ถือเป็นตัวเลือกที่ “ดีที่สุด” สำหรับคนที่ต้องการสมาร์ตโฟนที่ “แบตอึดที่สุด” ในตลาด และ “กล้องซูมที่ทรงพลังที่สุด” โดยไม่ต้องประนีประนอมในเรื่องประสิทธิภาพและความพรีเมียม
ราคาและโปรโมชัน

สำหรับ OPPO Find X9 มาพร้อมสองสีสุดโดดเด่น ได้แก่ สีเทา Titanium Grey และ สีดำ Space Black มาในสองความจุ ได้แก่ OPPO Find X9 (12 + 256GB) วางจำหน่ายในราคา 29,999 บาท และ OPPO Find X9 (16 + 512GB) ราคา 34,999 บาท
และสำหรับ OPPO Find X9 Pro (16 + 512GB) มาพร้อมสองสีสุดคลาสสิก ได้แก่ สีขาว Silk White และ สีเทา Titanium Charcoal วางจำหน่ายในราคา 42,999 บาท
สำหรับผู้ที่สนใจเป็นเจ้าของ OPPO Find X9 Series ในวันที่ 7 – 30 พฤศจิกายน 2568 จะได้รับของสมนาคุณพิเศษมูลค่าสูงสุด 23,348 บาท ดังนี้
· E-VIP Card ประกันหน้าจอแตก 2 ปี
· Google AI Pro ฟรี 3 เดือน
· Light Luxury Magnetic Case
และสามารถเป็นเจ้าของ OPPO Find X9 Series ได้ง่ายมากขึ้นด้วยโปรโมชันมากมาย ดังนี้
- สามารถนำเครื่องเก่ามาแลกเครื่องใหม่ผ่านโปรแกรม Trade up เพื่อรับส่วนลดสูงสุด 10,000 บาท
- เป็นเจ้าของได้ง่ายกว่าที่เคย ผ่อนง่าย ดาวน์เริ่มต้น 0%
ห้ามพลาดกับ OPPO Find X9 Series สมาร์ตโฟนที่จะมอบสัมผัสประสบการณ์ซูมที่เหนือระดับ และสามารถดื่มด่ำประสบการณ์ใช้งานได้เต็มอรรถรสให้กับสายคอนเสิร์ต สามารถไปทดลองสัมผัสและเป็นเจ้าของได้แล้วที่ OPPO Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ วางจำหน่ายวันที่ 7 – 30 พฤศจิกายน 2568 เท่านั้น
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/oppothai/
ติดตามรายละเอียดผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่ : https://www.oppo.com/th/smartphones/series-find-x/find-x9-pro/
** ของสมนาคุณมีจํานวนจํากัด ไม่สามารถแลกเป็นเงินสดได้ และเฉพาะร้านค้าที่ร่วมรายการ **
เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กําหนด บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการยกเลิก เปลี่ยนแปลงเงื่อนไข โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
#OPPOFindX9SeriesTH #ซูมดีทุกคอนเสิร์ต #กล้องHasselbladซูมชัด200MP











































