คลังเก็บ

รีวิว Infinix Hot 60 Pro+ สมาร์ตโฟนตัวคุ้ม ดีไซน์หรูเกินราคา บางเพียง 5.95 มม. จอโค้ง AMOLED 144Hz 

Infinix ได้เปิดตัวสมาร์ตโฟนรุ่นล่าสุดในตระกูล Hot series อย่าง Infinix Hot 60 Pro+ ซึ่งยังคงเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าที่มองหาสมาร์ตโฟนคุ้มค่าในราคาที่เข้าถึงง่าย แต่ยังคงมาพร้อมดีไซน์หรือฟีเจอร์ที่ยอดเยี่ยม และได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นจากรุ่นก่อนหน้า

และวันนี้พวกเราทีมงาน MobileOcta ได้สมาร์ตโฟนรุ่นนี้มารีวิวแล้ว

ด้วยราคาประมาณ 6 พันนิดๆ ทำให้ Infinix Hot 60 Pro+ ตอบโจทย์ตลาดสมาร์ตโฟนระดับเริ่มต้น ซึ่งอยู่ในช่วงราคาที่ต่ำ แต่กลับมาพร้อมดีไซน์และสเปกที่หรูหราเกินตัว

มีจุดเด่นอยู่ที่ตัวเครื่องสุดบางเพียง 5.95 มม. และมีน้ำหนักเบาเพียง 155 กรัม ทำให้ดูน่าประทับใจมากเมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆ ในระดับเดียวกัน รวมถึงมีสีสันสดใส มีผิวสัมผัสแบบแวววาว ทำให้โดดเด่นไม่เหมือนใคร 

ในส่วนของฟีเจอร์ก็น่าสนใจ โดยมี AI ให้ใช้ หน้าจอ AMOLED 1.5K 144Hz แบบโค้ง 3D กล้องถ่ายภาพ 50MP เซ็นเซอร์ Sony IMX882 และชิปเซ็ตตัวแรง MediaTek Helio G200 ที่พร้อมเล่นเกมแบบลื่นๆ ในงบนี้ โดยรุ่นนี้มีสเปกคร่าว ๆ ดังนี้

สเปก Infinix Hot 60 Pro+

ขนาด164.0 x 75.8 x 5.95 มม.
น้ำหนัก155 กรัม
หน้าจอหน้าจอแสดงผลแบบโค้ง 3D AMOLED ความละเอียด 1.5K 1224×2720 พิกเซล (440 ppi) ขนาด 6.78 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9 โดยมีอัตรารีเฟรชเรท 144Hz, อัตราการหรี่แสง 2304Hz PWM และความสว่างสูงสุด 4500nits
หน่วยประมวลผล ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 2.2GHz โดยใช้ชิปเซ็ท Mediatek Helio G200 (6 nm), หน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G57 MC2 (1.1GHz)
RAM8GB + 8GB Extended RAM แบบ LPDDR4X
หน่วยความจำภายในเครื่อง128GB/256GB แบบ UFS2.2
microSD Card
ระบบปฏิบัติการAndroid 15 ครอบทับด้วย Infinix XOS 15.1.1 พร้อมกับ Infinix AI เต็มรูปแบบรองรับ Android สูงสุด 3 ปี พร้อมอัพเดตความปลอดภัย 5 ปี
เชื่อมต่อ4G LTE, Wi-Fi 5, Bluetooth 5.4, NFC
กล้องถ่ายภาพกล้องหลัก 50 MP, ระยะเลนส์ 26mm (มุมกว้าง), ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.95″, ขนาดพิกเซล 0.8µm, รองรับระบบโฟกัสภาพ PDAF + กล้องเสริม 

กล้องหน้า 13 MP, รูรับแสง f/2.0, ระยะเลนส์ 22mm (wide)

โหมดการถ่ายภาพ AI CAM, Portrait, Super Night, Video, Vlog, Slow Motion, Time-Lapse, Dual Video, AIGC Portrait, Panorama, Pro, Sky Shop, Documents
รองรับระบบรองรับ 2 SIM แบบ nanoSIM Card4G LTE3G WCDMA2G GSM
แบตเตอรี่5,160 mAh รองรับระบบชาร์จเร็ว 45W 
สีสีดำ Sleek Black, ม่วง Misty Violet, เทา Titanium Silver, เหลือง Sonic Yellow, เขียว Moco Cyber Green และสีชมพู Coral Tides
ราคา8GB + 256GB ราคาเปิดตัว 6,499 บาท

แกะกล่อง Infinix Hot 60 Pro+

  • สมาร์ตโฟน Infinix Hot 60 Pro+
  • อะแดปเตอร์ชาร์จเร็ว 45W
  • สายดาต้า
  • เคสใส
  • ฟิล์มกันรอย
  • เข็มถอดซิมการ์ด
  • คู่มือเอกสารต่าง ๆ และใบรับประกัน

Infinix ให้ของมาแบบจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็นหัวชาร์จเร็ว Infinix ขนาด 45W แบบ USB Type-A และสายชาร์จ USB Type-A to Type-C ที่หนาและดูทนทาน นอกจากนี้ ยังมีเคสแบบใสที่ทำจากพลาสติกแข็ง และฟิล์มกระจกนิรภัยพร้อมชุดอุปกรณ์สำหรับติดตั้งมาให้อีกด้วย ถือว่าให้มาพร้อมใช้ ไม่จำเป็นต้องซื้ออุปกรณ์ใดๆ เพิ่มเติม

ดีไซน์การออกแบบ

Infinix Hot 60 Pro+ มีดีไซน์ที่โดดเด่นสะดุดตา โดยตัวเครื่องทั้งด้านหน้าและด้านหลังมีความโค้งมนสมมาตร ซึ่งเป็นดีไซน์ที่ไม่ค่อยพบเห็นในสมาร์ตโฟนราคาระดับนี้ ทำให้ตัวเครื่องดูบางเฉียบและดูหรูหราทันสมัย เมื่อถือในมือจะสัมผัสได้ถึงความบางเบาให้สัมผัสที่หรูหรา และจับถนัดมือ

นอกจากนี้ตัวเครื่องมีสีให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Sleek Black, Titanium Silver, Coral Tides, Misty Violet, Sonic Yellow และ Moco Cyber Green โดยการวางจำหน่าย อาจแตกต่างกันในแต่ละประเทศ

กรอบตัวเครื่องทำจากอะลูมิเนียมเกรดเดียวกับที่ใช้ในอากาศยาน (aerospace-grade aluminium) ซึ่งมีความแข็งแรงทนทานสูง โดย Infinix ระบุว่าทนทานต่อการตกกระแทกได้ถึง 1.5 เมตร ด้านหลังใช้กระจกคอมโพสิตใยแก้วหนา 0.36 มม. ที่ทนทานต่อแรงกระแทกได้ดี และด้านหน้าถูกปกป้องด้วย Corning Gorilla Glass 7i นอกจากนี้ ตัวเครื่องยังมีมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP64 ทำให้สามารถป้องกันฝุ่นได้และทนทานต่อการโดนน้ำกระเซ็นได้ด้วย

แม้ดีไซน์จะดูเหมือนมีกล้องหลังสามตัว แต่ในความเป็นจริงแล้วมีเพียงกล้องหลักความละเอียด 50MP ที่ใช้งานได้จริงเท่านั้น ส่วนโมดูลตรงกลางเป็นเพียงเซ็นเซอร์เสริมระยะความลึก Deoth และโมดูลล่างสุดเป็นเซ็นเซอร์อินฟราเรด (IR Blaster) ซึ่งไม่ได้เป็นกล้องถ่ายภาพแต่อย่างใด

โมดูลคล้ายกล้องด้านล่างสุดของตัวเครื่องจะมาพร้อมลูกเล่นไฟ LED ที่เรียกว่า “Active Halo Lighting” ซึ่งจะปล่อยแสงสีขาวอ่อนๆ ออกมาจากบริเวณใต้โมดูลและด้านข้าง สามารถแสดงเอฟเฟกต์แสงอัจฉริยะได้ถึง 6 แบบสำหรับสถานการณ์ต่างๆ 

ระบบเสียงประกอบด้วยลำโพงหลักที่ด้านล่าง พร้อมการันตีด้วยระบบเสียง “Sound by JBL” และลำโพงสนทนาที่ด้านบนซึ่งทำหน้าที่เป็นลำโพงตัวที่สอง ทำให้ได้เสียงที่สมดุลดี มีไมโครโฟนสองตัว โดยไมโครโฟนหลักอยู่ด้านล่าง และไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนอยู่ด้านบน ถัดมาเป็นพอร์ต Type-C และถาดใส่ซิมคู่ซึ่งทั้งหมดอยู่ด้านล่างตัวเครื่อง แต่น่าเสียดายที่ไม่มีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. มาให้

ด้านซ้ายจะไม่มีปุ่มใดๆ เลย แต่จะเห็นว่าตัวเครื่องมีความบางมาก โดยมีความบางเพียง 5.95 มม. เท่านั้น แตกต่างจากรุ่นอื่นๆ ในกลุ่มราคาเดียวกัน

ส่วนทางด้านขวาจะมีปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่ม Power

ด้านหน้าของโทรศัพท์ดูสะอาดตา ขอบหน้าจอดูบางสวยงาม แต่ก็มีพื้นที่เพียงพอสำหรับซ่อนเซ็นเซอร์วัดแสงและเซ็นเซอร์อื่นๆ รวมไปถึงไฟแฟลชคู่ LED สำหรับกล้องหน้าด้วย และมีรูเจาะสำหรับกล้องหน้าตรงกลาง

แม้จะเป็นสมาร์ตโฟนราคาประหยัด แต่ Infinix Hot 60 Pro+ ก็มีระบบสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอแบบ Optical ซึ่งทำงานได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ นอกจากนี้ยังรองรับการสแกนใบหน้า รวมถึงการใส่รหัสผ่านต่างๆ ตามมาตราฐานของสมาร์ตโฟน Android OS

ประสิทธิภาพการใช้งาน

สมาร์ตโฟน Infinix Hot 60 Pro+ มาพร้อมกับชิปเซ็ต MediaTek Helio G200 ซึ่งเป็นชิประดับ 6nm รุ่นใหม่จากปี 2025 แม้ชื่อรุ่นจะดูเหมือนมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แต่ในแง่ของประสิทธิภาพแล้วยังคงคล้ายคลึงกับ Helio G100 ที่เป็นที่นิยม โดยเฉพาะในส่วนของ CPU ซึ่งประกอบด้วยคอร์ประสิทธิภาพ ARM Cortex-A76 สองคอร์ ความเร็วสูงสุด 2.2 GHz และคอร์ประหยัดพลังงาน Cortex-A55 อีกหกคอร์ ความเร็วสูงสุด 2.0 GHz ส่วน GPU เป็น Mali-G57 MC2 ซึ่งมีความเร็วสูงกว่ารุ่นก่อนเล็กน้อย

ในด้านหน่วยความจำ Infinix Hot 60 Pro+ มาพร้อม RAM LPDDR4X แบบ Dual-channel ขนาด 8GB และหน่วยความจำภายในแบบ UFS 2.2 ขนาด 256GB ไม่รองรับการ์ดีความจำภายนอก เมื่อดูจากผลการทดสอบประสิทธิภาพ (Benchmark) ตัวเครื่องไม่ได้เน้นความแรงสูงสุด แต่ก็ทำคะแนนได้ดีบน AnTuTu 

ในการใช้งานจริง พบว่าการทำงานโดยรวมเป็นไปอย่างราบรื่นและตอบสนองได้ดี แม้จะมีอาการหน่วงเล็กน้อยเป็นครั้งคราว แต่ก็ไม่รบกวนการใช้งานมากนัก ที่สำคัญชิปเซ็ต Helio G200 ไม่ได้สร้างความร้อนมากนัก สามารถจัดการความร้อนได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้ตัวเครื่องไม่ร้อนจนเกินไป และยังคงรักษาประสิทธิภาพการทำงานไว้ได้อย่างคงที่ แม้จะใช้งานหนักเป็นเวลานานก็ตาม

จากการทดสอบเล่นเกมด้วยเกมฮิตอย่าง RoV สามารถเล่นด้วยความถี่ 60fps ได้แบบลื่นๆ ไม่มีสดุดเลย ในขณะที่เกม Shooting อย่าง PUBG Mobile ก็สามารถเล่นได้ลื่น และให้ภาพที่สวยงาม ลื่นไหลเช่นกัน โดยรวมสำหรับการเล่นเกมถือว่าทำได้ค่อนข้างดี และเล่นนานๆ ก็ไม่ร้อนมาก และยังมี Game Mode ที่ใช้ AI ในการปรับปรุงคุณภาพการเล่นเกมให้ลื่นไหลยิ่งขึ้น

หน้าจอแสดงผลขนาด 6.78 นิ้วของ Infinix Hot 60 Pro+ ถือเป็นจุดเด่นสำคัญที่ทำให้สมาร์ตโฟนรุ่นนี้น่าสนใจ ด้วยการนำเทคโนโลยีจอภาพขั้นสูงมาสู่สมาร์ตโฟนราคาเข้าถึงได้ง่าย หน้าจอเป็นแบบจอโค้ง 3 มิติ AMOLED ขนาดใหญ่ พร้อมอัตรารีเฟรชสูงถึง 144Hz และมีความละเอียดคมชัดที่ 1224 x 2720 พิกเซล ซึ่งให้ความหนาแน่นของเม็ดสีสูงถึง 440 ppi 

ในด้านความสว่างของหน้าจอ Infinix Hot 60 Pro+ ทำผลงานได้ยอดเยี่ยม เป็นหนึ่งในสมาร์ตโฟนที่สว่างที่สุดในกลุ่มราคาเดียวกัน มีตัวเลือกอัตรารีเฟรชให้เลือก 4 ระดับ คือ 60Hz, 90Hz, 120Hz และ 144Hz พร้อมโหมดการตั้งค่าอีก 3 แบบ ได้แก่ Auto-Switch, Standard และ High

Infinix Hot 60 Pro+ มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 5,160 mAh สามารถใช้งานได้ตลอดทั้งวัน ส่วนระบบชาร์จเร็วรองรับการชาร์จที่ 45W ซึ่งเป็นมาตรฐานเฉพาะของแบรนด์ และโชคดีที่แถมอะแดปเตอร์มาให้ในกล่องแล้ว ด้านความเร็วในการชาร์จถือว่าอยู่ในระดับที่ดีสำหรับสมาร์ตโฟนราคาย่อมเยา นอกจากนี้ยังรองรับการชาร์จย้อนกลับแบบมีสาย (Reverse Wired Charging) ที่ 10W และรองรับฟีเจอร์ Bypass Charging ที่ช่วยลดความร้อนขณะชาร์จเมื่อใช้งานไปด้วย 

นอกจากนี้ยังติดตั้งระบบลำโพงสเตอริโอ JBL แบบไฮบริด โดยใช้ลำโพงสนทนาที่ขยายเสียงเพื่อทำหน้าที่เป็นลำโพงตัวที่สอง มีช่องลำโพงอยู่ด้านบนของตัวเครื่อง ทำให้เสียงที่ออกมามีความสมดุลดี แถมมีเสียงที่ดังดีมากด้วย แต่อย่างไรก็ตาม คุณภาพเสียงโดยรวมถือว่าอยู่ในระดับพอใช้ เสียงพูดชัดเจนดี มิติเสียงก็ไม่กว้างเท่าที่ควร เสียงเบสค่อนข้างน้อย แต่ก็ยังดีที่มีระบบ DTS ซึ่งมาพร้อมอีควอไลเซอร์ที่สามารถปรับแต่งเสียงได้ทั้งแบบสำเร็จรูปและแบบกำหนดเองได้

Infinix Hot 60 Pro+ เป็นสมาร์ตโฟนที่รองรับเฉพาะเครือข่าย 4G โดยสามารถใส่ซิม Nano-SIM ได้สองซิมพร้อมกัน แต่ไม่รองรับ eSIM รองรับ Wi-Fi แบบ Dual-band (ac) และ Bluetooth 5.4 ที่มีฟีเจอร์ Low Energy รวมถึงยังมี NFC สำหรับการถ่ายโอนข้อมูล (แต่ไม่สามารถใช้ชำระเงินได้ และอาจแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค) มีพอร์ตอินฟราเรด (IR blaster) และวิทยุ FM แต่ไม่มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. หรือช่องใส่การ์ด microSD

พอร์ต Type-C ของตัวเครื่องรองรับการเชื่อมต่อข้อมูลแบบ USB 2.0 ซึ่งให้ความเร็วสูงสุดที่ 480 Mbps และรองรับฟังก์ชัน OTG/Host แต่ไม่มีฟีเจอร์ขั้นสูง เช่น การส่งสัญญาณภาพออกไปยังจอภายนอก

นอกจากนี้ยังมาพร้อมชุดเซ็นเซอร์ที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นเซ็นเซอร์วัดการเคลื่อนไหว (accelerometer), ไจโรสโคป (gyroscope), เข็มทิศ (magnetometer/compass) และเซ็นเซอร์วัดแสงและเซ็นเซอร์ความใกล้ชิด ซึ่งเป็นเซ็นเซอร์ฮาร์ดแวร์จริง ๆ ไม่ใช่เซ็นเซอร์เสมือน ซึ่งหายากมากในสมาร์ตโฟนราคานี้ 

ส่วนด้านล่างนี้เป็นผลการทดสอบและ UI ต่างๆ ของสมาร์ตโฟนครับ

ผลการทดสอบ AnTuTu Benchmark ทำได้ที่ 452,676 คะแนน

ผลการทดสอบ Geekbench 6 CPU Benchmark ได้ 739 และ 1859 คะแนนสำหรับ Single-Core และ Multi-Core ตามลำดับ ส่วนคะแนน GPU ได้ 1474 คะแนน

ผลการทดสอบ 3DMark ทำได้ 1365 คะแนน

ผลการทดสอบ PCMark ทำได้ 10710 คะแนน

หน้าตา UI การตั้งค่า โดยรุ่นนี้สามารถเลือก Extended RAM หรือ RAM เสมือนมาช่วยทำงานเพิ่มเติมได้ 3 แบบ คือ 3GB, 5GB และ 8GB โดยรวมจะมี RAM ทำงานสูงสุดถึง 16GB (8+8)

ด้านล่างนี้เป็น AI ที่ Infinix มีให้ใช้บนเครื่องนี้

ฟังค์ชั่น Dynamic Bar ก็มีให้ใช้

การถ่ายภาพ

ถึงแม้ว่าดีไซน์ภายนอกของ Infinix Hot 60 Pro+ จะดูเหมือนมีกล้องหลัง 3 ตัว แต่ในความเป็นจริงแล้วมีเพียงกล้องหลักเพียงตัวเดียวเท่านั้นที่เป็นกล้องถ่ายภาพได้ โดยกล้องมีความละเอียด 50MP ที่ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX882 ซึ่งมีขนาดใหญ่ถึง 1/1.95 นิ้ว ทำให้รับแสงได้ดีกว่าเซ็นเซอร์รุ่นเก่าถึง 65.56% และยังมีระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF (Phase Detection Autofocus) แต่ไม่มีระบบกันสั่น OIS

คุณภาพของภาพถ่ายจากกล้องหลักถือว่าอยู่ในระดับที่ดี โดยให้รายละเอียดภาพที่คมชัด ให้สีสันที่ดีใช้ได้ อย่างไรก็ตาม คอนทราสต์และช่วงไดนามิกยังควรปรับปรุงให้ดีขึ้นโดยเฉพาะในบริเวณเงามืดที่มีรายละเอียดหายไปบ้าง ส่วนการถ่ายภาพบุคคล (Portrait) ทำได้ยอดเยี่ยม เก็บรายละเอียดผิวหน้าได้ดีและมีพื้นผิวที่ชัดเจน ส่วนการตัดขอบวัตถุและการเบลอฉากหลังก็ทำได้อย่างเป็นธรรมชาติและแม่นยำ

นอกจากนี้ยังมีกล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 13MP ที่มาพร้อมไฟแฟลชคู่แบบ LED ซึ่งช่วยให้ถ่ายภาพเซลฟี่ในที่แสงน้อยได้ดีขึ้น

สำหรับการถ่ายภาพเซลฟี่ กล้องหน้าความละเอียด 13MP ให้คุณภาพที่โดดเด่นเกินราคามาก ภาพที่ได้มีความคมชัดและเก็บรายละเอียดผิวได้ดี สีผิวดูเป็นธรรมชาติ แม้จะไม่มีระบบโฟกัสอัตโนมัติ แต่ระยะโฟกัสก็กว้างพอที่จะทำให้ใบหน้าชัดเจน นอกจากนี้ไฟแฟลชคู่ LED ก็เป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้การถ่ายเซลฟี่ในที่แสงน้อยยังคงมีคุณภาพดี

ในส่วนของการถ่ายภาพในที่แสงน้อย กล้องหลักสามารถถ่ายภาพได้ดีพอสมควร โดยให้รายละเอียดภาพที่ดีและมี Noise ต่ำ สีสันยังคงดูสวยงาม แต่ช่วงไดนามิกยังไม่ดีเท่าที่ควร โดยเฉพาะในฉากที่มีความซับซ้อน อาจทำให้ส่วนที่เป็นเงาและไฮไลท์มีรายละเอียดหายไปบ้าง

อย่างไรก็ตาม Infinix Hot 60 Pro+ มีโหมด Night อัตโนมัติและโหมด SUPER NIGHT ที่ช่วยปรับปรุงคุณภาพของภาพถ่ายในที่แสงน้อยให้ดีขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของแสงสว่างและรายละเอียดของวัตถุให้ดีขึ้น ลองชมตัวอย่างภาพถ่ายได้ด้านล่างนี้เลย

ส่วนการถ่ายภาพกลางคืน จะมี AI เพิ่มลูกเล่นให้กับการถ่ายภาพกลางคืน รวมถึงมี AI ช่วยปรับภาพให้ดูสวยงามขึ้น ดังนี้

บทสรุป

Infinix Hot 60 Pro+ ถือว่าเป็นสมาร์ตโฟนราคาประหยัดที่น่าสนใจ โดยมาพร้อมราคาเปิดตัวที่ 6,499 บาทเท่านั้น โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่บางและน้ำหนักเบา หน้าจอที่สว่างสดใสเป็นพิเศษ ระบบลำโพงสเตอริโอ และกล้องที่ใช้งานได้ดีเมื่อเทียบกับคู่แข่งในระดับเดียวกัน แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน 

และที่สำคัญที่สุดคือ Infinix สัญญาว่าจะอัปเดตซอฟต์แวร์ให้ยาวนาน ซึ่งหาได้ยากในตลาดสมาร์ตโฟนราคาประหยัดกลุ่มนี้

อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีข้อสังเกตบางประการ เช่น แม้ลำโพงสเตอริโอจะเสียงดัง แต่คุณภาพเสียงก็ยังอยู่ในระดับปานกลาง รองรับเครือข่ายเพียงแค่ 4G และไม่รองรับ microSD Card แต่เมื่อพิจารณาโดยรวมแล้ว Infinix Hot 60 Pro+ สามารถสร้างสมดุลระหว่างฟีเจอร์, ประสิทธิภาพ และราคาได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหาสมาร์ตโฟนราคาสุดคุ้มนั่นเองครับ

ทั้งนี้ Infinix Hot 60 Pro+ ความจุ 256 GB+16GB ราคา 6,499 บาท มีให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ Titanium Silver (เงิน), Sleek Black (ดำ), Misty Violet (ม่วง), Sonic Yellow (เหลือง) และ Coral Tides (ชมพู)

สามารถสั่งซื้อได้ทางร้านค้าชั้นนำ หรือทางออนไลน์ที่ Shopee Mall: https://cutt.ly/jrA4LUyO LazMall: https://s.lazada.co.th/a.1MV3I TikTok Shop: https://cutt.ly/XrA4LeH5

พร้อมกันนี้สามารถติดตามรายละเอียดกิจกรรม ข่าวสาร จากอินฟินิกซ์ได้ที่ https://www.facebook.com/InfinixMobileThailand/