คลังเก็บ

รีวิว Infinix HOT 30 เกมมิ่งโฟนที่คุ้มที่สุดในงบต่ำ 5 พัน เล่นเกมลื่นบนจอ 90Hz แบตชาร์จไว 33W

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หากเพื่อนๆ จะมองหาสมาร์ตโฟนเกมมิ่งที่เล่นเกมดีๆ ทำงานลื่นๆ ใช้ Multi-Tasking ได้ดี อาจต้องมองหาสมาร์ตโฟนหลักหมื่นขึ้นไปใช่มั้ยครับ แต่เนื่องจากเทคโนโลยีมีราคาที่ถูกลงเมื่อเวลาผ่านไป ทำให้ปัจจุบันสมาร์ตโฟนเกมมิ่งมีราคาถูกลงอย่างไม่น่าเชื่อ อย่างเช่น Infinix HOT 30 เครื่องนี้ครับ 

Infinix HOT 30

พูดถึงแบรนด์ Infinix ในปัจจุบัน หลายท่านน่าจะคิดถึงสมาร์ตโฟนสเปคคุ้มค่า ในราคาเป็นเจ้าของได้ง่ายใช่มั้ยครับ เช่นเดียวกับ Infinix HOT 30 เครื่องนี้ที่มาพร้อมสเปคคุ้มค่า น่าใช้มาก ไม่ว่าจะเป็นการมาพร้อมระบบชาร์จเร็วมากกว่าหลายรุ่นในราคาเดียวกัน คือให้มาเร็วถึง 33W เติมพลังให้กับแบต 5000mAh อึดสะใจ ใช้ได้นานตลอดวัน มีหน้าจอขนาดใหญ่ 6.78 นิ้ว Full HD ทำงานลื่นไหล 90Hz แสดงผลนุ่มๆ และชิปเซ็ตเกมมิ่งตัวคุ้ม MediaTek Helio G88 ชิปเซ็ตตัวตึงแรงจัดในงบนี้ 

และเพื่อตอกย้ำความเป็นเกมมิ่งโฟนสำหรับคนยุคใหม่อย่างแท้จริง Infinix HOT 30 ยังจับมือกับเกม FPS ชื่อดังอันดับต้นๆ ของประเทศไทยอย่าง Free Fire ที่นอกจากจะมอบประสบการณ์การเล่นเกมขั้นสุดแล้ว ยังมาพร้อมคอนเท้นต์พิเศษแบบ Limited Edition สำหรับรุ่นพิเศษนี้เท่านั้น แต่ใช้งานจริงจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น วันนี้พวกเราทีมงาน MobileOcta จะมาเล่าให้ฟังในรีวิวนี้ครับ ไปติดตามกันได้เลยครับ แต่ก่อนอื่นไปแกะกล่อง Infinix HOT 30 ก่อนครับ

แกะกล่อง Infinix HOT 30

  • สมาร์ทโฟน Infinix HOT 30
  • ที่ชาร์จเร็ว 33W
  • สายดาต้า USB-C
  • เคสลายพิเศษ Free Fire Edition 
  • เข็มถอดซิม
  • คู่มือและใบรับประกัน

แถมเคสสวยๆ พร้อมใช้เลย

เมื่อใส่เคส จะป้องกันส่วนกล้องที่นูนออกมาพอดี

เมื่อแกะปลอกที่ครอบอยู่ จะเจอกล่องสีเขียวด้านใน

สเปค Infinix HOT 30 

  • หน้าจอขนาด 6.78 นิ้ว FHD+ 2460×1080 พิกเซล IPS LCD 90Hz สว่างสูงสุด 600nit ความไวสัมผัส 270Hz
  • สัดส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง 90.7%
  • CPU MediaTek Helio G88 (12nm Octa-Core 2.0GHz)
  • GPU Mali-G68
  • รัน Android 13 
  • รองรับ 4G รองรับ 2 ซิมการ์ด (มีช่องเมมการ์ดแยก)
  • RAM 8GB พร้อมรองรับ RAM เสมือนเพิ่มเป็นสูงสุด 16GB
  • ROM 128GB
  • รองรับ microSD Card สูงสุด 1TB
  • รองรับการเชื่อมต่อ NFC, OTG, แจ็คเสียง 3.5 มม., FM Radio
  • กล้องถ่ายภาพ
    • กล้องหน้า 8MP โฟกัสคงที่ f/2.45
    • กล้องหลังคู่ กล้องหลัก 50MP f/1.6 โฟกัสอัตโนมัติ + กล้องเสริม AI
  • รองรับการถ่ายวีดีโอ 2K @30fps, 1080P @30fps, 720P @240FPS
  • ขนาดตัวเครื่อง 168.66 x 76.61 x 8.4 มม. 
  • น้ำหนัก 196 กรัม
  • สีให้เลือก Racing Black, Surfing Green และ Sonic White 
  • ราคาเปิดตัว 4,799 บาท

ดีไซน์การออกแบบ

Infinix HOT 30 มาพร้อมดีไซน์สวยงาม ตามสมัยนิยมครับ ออกแบบมาเพื่อเอาใจวัยรุ่นแน่นอน โดยมีขนาดตัวเครื่อง 168.66 x 76.61 x 8.4 มม. ที่โดยรวมเป็นสมาร์ตโฟนที่มีหน้าจอใหญ่เต็มตา เหมาะสำหรับรับชมคอนเทนต์เป็นที่สุดครับ แต่ก็มีความบางเพียง 8.4 มม. และมีน้ำหนักเพียง 196 กรัมเท่านั้น ถือว่าขนาดกำลังน่าใช้ครับ

ดีไซน์ของรุ่นนี้จะมีขอบด้านข้างแบนราบ แต่ขอบจะไม่คมนะครับ จะมีการตัดขอบบริเวณมุมเล็กน้อย ทำให้หยิบจับได้ถนัดมือดีครับ ขอบหน้าจอของรุ่นนี้มีความบางใช้ได้ครับ มีสัดส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องด้านหน้าระดับ 90.7% ถือว่าทำได้สวย

ตัวหน้าจอมีขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด Full HD ใช้หน้าจอแบบ IPS LCD รองรับความถี่ 90Hz รองรับความไวสัมผัส 270Hz และมีความสว่างสูงสุดที่ 580 nit ถือว่าสู้แสงได้ดี และแสดงสีสันได้ดีมากสำหรับสมาร์ตโฟนราคาระดับนี้ครับ และที่สำคัญ แม้จะเป็นรุ่นประหยัด แต่ให้กล้องหน้าแบบเจาะรู Punch-Hole เหมือนรุ่นแพงๆ ครับ แตกต่างจากรุ่นประหยัดส่วนมากที่จะใช้รอยบากทรงหยดน้ำที่ล้าสมัย

ปุ่มควบคุมทั้งหมดจะอยู่บริเวณด้านขวาครับ โดยมีปุ่มควบคุมเสียง และปุ่ม Power ที่ใช้สำหรับการสแกนลายนิ้วมือด้วยครับ โดยรุ่นนี้ยังรองรับการสแกนใบหน้าด้วยเช่นกัน 

บริเวณด้านบนไม่มีอะไรครับ

ทางด้านซ้ายจะมีถาดใส่ซิมครับ โดยรุ่นนี้จะรองรับ nanoSIM สองซิม และมีช่องใส่การ์ด microSD Card แยกให้เฉพาะ

ส่วนด้านล่างมีช่องหูฟัง 3.5 มม. ไมค์สนทนา พอร์ต USB-C และลำโพงนอก ซึ่งรุ่นนี้จะมีลำโพงคู่นะครับ โดยจะเป็นส่วนด้านล่าง และใช้ช่องหูฟังด้านบนเป็นลำโพงอีกตัวครับ 

ดีไซน์ด้านหลังค่อนข้างโดดเด่นเช่นกัน โดยรุ่นที่เราได้มารีวิวนี้จะเป็นสีขาว Sonic White ที่มีลวดลายกราฟฟิกค่อนข้างสวยมากทีเดียว เมื่อเล่นกับแสงจะเป็นประกายริ้วสวยงามมาก ส่วนของกล้องรุ่นนี้จะมีกล้องคู่ครับ โดยมีส่วนกล้องนูนออกมาสองวงใหญ่ และมีวงเล็กเป็นไฟแฟลช LED 4 ดวงที่บอกเลยว่าสว่างตาแตกครับ ใช้เป็นไฟฉายได้ดีมากเลย ส่วนด้านล่างจะมีโลโก้ Infinix 

โดยรวมด้านการออกแบบต้องบอกว่า Infinix HOT 30 ทำมาค่อนข้างดีครับ ให้ฟิลลิ่งสัมผัสที่หรูหรา พรีเมี่ยมใช้ได้ทีเดียว เหมาะสมกับการใช้งานทุกช่วงวัยทีเดียว และนอกจากสีขาว Sonic White แล้วยังมีอีกสองสีสุดงามอย่าง Racing Black, และ Surfing Green ให้เลือกตามบุคลิคของผู้ใช้ที่หลากหลายเลยครับ 

และดูเรื่องดีไซน์การออกแบบกันไปแล้ว ต่อไปมาดูด้านฟีเจอร์เด่นๆ ของ Infinix HOT 30 ที่น่าสนใจกันครับ

เหนือชั้นกว่าด้วยแบต 5000mAh พร้อมชาร์จเร็ว 33W

มาดูเรื่องแรกที่นับเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นมากของ Infinix HOT 30 รุ่นนี้กันครับ โดยอย่างที่เกริ่นไปข้างต้น คือรุ่นนี้เป็นสมาร์ทโฟนเกมมิ่งที่สเปคคุ้มค่ามากในราคาไม่เกิน 5,000 บาท แต่ให้ความเร็วการชาร์จถึง 33W จากที่ทั่วไปในงบประมาณนี้จะให้มาที่ 10-18W เท่านั้น แต่อย่าให้กล่าวชื่อรุ่นกันเลย เดี๋ยวจะผิดใจกันเปล่าๆ 55+ 

ซึ่งความเร็วการชาร์จที่มากกว่าเกือบๆ 2 เท่านี้ ช่วยให้ชาร์จสมาร์ทโฟนเต็ม 0-100% ได้ในเวลาชั่วโมงนิดๆ เท่านั้นครับ จากการทดสอบจะอยู่ที่ประมาณ 75 นาที หรือชาร์จ 30 นาที ก็จะได้แบตไปประมาณ 55% เรียกได้ว่าลุกไปทานข้าวแล้วเสียบชาร์จไว้ แป๊ปๆ ก็จะเต็มแล้วครับ สะดวกดี ซึ่งจากที่เคยทดสอบที่ชาร์จ 18W กับแบต 5000mAh จะใช้เวลาร่วมๆ 3 ชั่วโมงเลยทีเดียว ตรงนี้ถือว่าได้เปรียบกว่ามากครับ 

นอกจากนี้ หากต้องการสแตนบายให้นานขึ้น ยังมีโหมด Power Marathon ที่ช่วยยืดเวลาการใช้พลังงานให้นานขึ้นได้อีกด้วยครับ ช่วยได้เยอะเวลาที่ต้องทำงานนอกบ้านนานๆ โดยที่ไม่พกพาพาวเวอร์แบงค์

หน้าจอสวยสดเกินตัว ใหญ่เต็มตา 6.78 นิ้ว 90Hz สุดลื่นไหล

ด้านหน้าจอก็ไม่ธรรมดาครับ สำหรับ Infinix HOT 30 ที่แม้จะมีค่าตัวไม่ถึง 5 พันบาท แต่ได้หน้าจอความถี่สูง 90Hz แถมมีขนาดใหญ่ที่สุดในกลุ่มสมาร์ทโฟนระดับเดียวกัน เรียกได้ว่าใครที่หามือถือไว้เล่นเกมในงบนี้ ได้จอใหญ่คุ้มจัดเต็มอารมณ์แน่นอนครับ 

โดยหน้าจอของ Infinix HOT 30 จะเป็นจอแบบเจาะรู Punch-Hole เหมือนรุ่นราคาสูงด้วยครับ ทำให้มีความพรีเมี่ยมมากขึ้น โดยมีขนาดใหญ่ 6.78 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ รองรับความไวสัมผัส Touch Sampling Rate ระดับสูงที่ 270Hz ทำให้หน้าจอตอบสนองสัมผัสได้ค่อนข้างดีมาก แถมมีความสว่างสูงสุด 600nit สามารถสู้แสงแดดบ้านเราได้ดีขณะใช้งานกลางแจ้ง และรองรับขอบเขตสีสัน 96% DCI-P3 ให้สีสันสวยสมจริงทั้งการเล่นเกม หรือรับชมคอนเท้นต์ครับ 

และเพื่อตอบโจทย์ผู้ที่เน้นความบันเทิงเป็นหลัก Infinix HOT 30 ยังมาพร้อมลำโพง Stereo คู่ พร้อมระบบเสียง DTS ที่ให้เอฟเฟคเสียงเซอร์ราวด์มีมิติที่ดีครับ จะเล่นเกมก็ดี หรือดูหนังดูซีรีย์ก็แจ่มครับแบบนี้ ส่วนคุณภาพเสียงต้องบอกว่าให้เสียงที่ดังใช้ได้ครับ ด้านเสียงจะหนักไปทางเสียงกลางและเสียงแหลม โดยรวมถือว่าดีใช้ได้ครับ 

ชิปเซ็ตเกมมิ่งตัวตึง MediaTek Helio G88 + Dar-Link 3.0 AI Game Booster

ผู้รีวิวยอมรับเลยครับว่าทีแรกเห็นเป็นมือถือราคา 4 พันกว่าๆ ก็คิดว่าเป็นมือถือที่ใช้งานทั่วไปได้ เล่นเกมเบาๆ ได้ธรรมดาๆ ไม่ได้มีอะไรพิเศษ แต่พอได้สัมผัส Infinix HOT 30 จริงๆ แล้ว บอกเลยว่ามันดีเกินงบไปมากครับ

โดยรุ่นนี้มาพร้อมชิปตัวแรง Helio G88 ที่แรงแถมยังประหยัดพลังงาน เป็นชิปแบบ Octa-Core ความเร็วสูงสุด 2.0GHz ด้วยคอร์ตัวแรง ARM Cortex-A75 x2 และจากที่เราทดสอบสามารถทำคะแนน Antutu Benchmark v9.5.7 ได้คะแนนเกือบๆ 2 แสนคะแนน ถือว่าไม่ธรรมดาสำหรับมือถือระดับเริ่มต้นครับ

และแน่นอนว่าชิปเซ็ตเป็นส่วนสำคัญสำหรับความแรงการประมวลผลก็จริง แต่รุ่นนี้ยังไม่ฟีเจอร์เสริมที่ช่วยยกระดับการประมวลผลให้ดีเยี่ยมไปอีกครับ ไม่ว่าจะเป็น RAM Extended ที่ช่วยเพิ่ม RAM สำหรับการทำงานได้มากสูงสุดถึง 16GB (8+8) ช่วยให้ใช้งาน Multi-Tasking ได้ลื่นไหล เปิดได้หลายแอปและสลับใช้งานได้อย่างลื่นไหลครับ

รวมถึงฟีเจอร์เด็ดอย่าง Dar-Link 3.0 AI Game Booster ที่ช่วยยกระดับประสิทธิภาพการประมวลผลให้เร็วปรู๊ดปร๊าดยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการโหลดฉาก หรือคำนวณกราฟฟิกก็ลื่นไหล และยังมี XArena 3.0 game space ที่ลดการแจ้งเตือนที่ไม่สำคัญขณะเล่นเกม และสุดท้าย Link-Booming and UPS Signal Boost ที่ช่วยจับสัญญาณเครือข่ายให้นิ่ง แม่นยำ และลดความหน่วงได้เป็นอย่างดี 

จากการทดสอบในส่วนของการประมวลผล ผู้รีวิวทดสอบด้วยเกมมหาชนอย่าง Free Fire ที่จับมือกับสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ บอกเลยว่าลื่นเวอร์มากครับ สามารถเปิดโหมดกราฟฟิกระดับสูงเล่นได้เลย เวอร์มากครับสำหรับมือถืองบนี้ ช่วยให้ภาพดูสวยขึ้น และเล่นได้อย่างลื่นไหล สมกับที่เป็นมือถือ Limited ของ Free Fire จริงๆ

และอีกเกมอย่าง RoV ก็สามารถทำได้ดีไม่แพ้กันครับ สามารถเปิดโหมดเฟรมเรทสูง หรือ FPS สูงเล่นได้แบบลื่นมาก เฟรมเรทจะอยู่ที่ 59-60 FPS ไม่มีตกเลย ตรงนี้ยอมรับเลยว่าเยี่ยมจริง หน้าจอสามารถแสดงผลได้อย่างเล่นไหล สัมผัสค่อนข้างไว เหมาะสำหรับการเล่นเกมมากๆ ตรงนี้ยกนิ้วให้เลยครับ 

ส่วนผลการทดสอบ Benchmark อื่นๆ สามารถรับชมได้ด้านล่างนี้เลยฮะ

อ่านต่อหน้า 2